เกาะกระแสหุ้นเทคฟื้นตัว ลงทุนพร้อมลดหย่อนภาษีไปกับกอง SSF
วันนี้เราจะมาแนะนำกองทุน Tech SSF ตัว Top สำหรับคนที่กำลังมองหาโอกาสช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคเพื่อลงทุนระยะยาวแถมได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียนาฬิกา เอ๋ย “เวลา” เรามาเริ่มกันเลย!!!
1.ONE-UGG-ASSF
สำหรับกองแรกถือว่าเป็นกองยอดฮิตในหมู่นักลงทุนในช่วงที่ผ่านมา หลายคนนั้นรู้จักแต่อาจจะไม่รู้ว่ามี Class SSF ที่สามารถซื้อเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย
กองนี้เป็นกอง Feeder Fund ที่ลงทุนในกองหลักอย่าง Baillie Gifford Long Term Global Growth Fund ซึ่งจะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเติบโตที่คาดว่าจะสามารถทำรายได้เติบ โตขึ้นได้อย่างน้อย 2 เท่าภายในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือได้พิสูจน์ตัวเองมาแล้วในระดับหนึ่งในส่วนของการเลือกของผู้จัดการกองทุนที่ทำผลตอบแทนได้อย่างน่าพึงพอใจแก่นักลงทุนเป็นระยะเวลาหลายปีอย่างต่อเนื่อง
Top 5 Holdings
- Tencent (5.5%), 2. Amazon.com (5.5%), 3. Meituan Dianping (5.3%), 4. Alibaba (5.0%), 5. Tesla Inc (4.9%)
2.TCHTECH-SSF
อีกกองที่มีชื่อเสียงไม่น้อยสำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนในตลาดจีนโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งกองนี้ปรับตัวลดลงมาแล้วกว่า -30% จากจุดสูงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ Downside จำกัดลงค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับกองเทคฝั่งอเมริกา
กองทุนจะเน้นลงทุนในกองทุนหลัก Invesco China Technology ETF ซึ่งจะเน้นลงทุนหุ้นเทคโนโลยีในจีนไม่ว่าจะเป็น Software อย่างพวก Platform หรือ Application ให้บริการต่างๆ รวมถึง Hardware อย่างบริษัทผู้ผลิตชิพ
เรียกได้ว่าลงทุนครบธีมที่พร้อมเติบโตไปพร้อมกับนโยบายยุทธศาสตร์ชาติ 5 ปีของจีนที่จะสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีและหวังว่าจะขึ้นมาเป็นผู้นำทางด้านเทคของโลก
Top 5 Holdings
1.Baidu (10.1%), 2. Tencent (9.03%), 3. Meituan (8.49%), 4. Sunny Optical Technology (7.72%), 5. Semiconductor Manufacturing (5.66%)
3.T-ES-GINNO-SSF
กองนี้ไม่พูดถึงคงจะไม่ได้ เนื่องจากเป็นกองที่โด่งดังที่สุดก็ว่าได้ในปี 2020 หลังจาก IPO ออกมาในช่วงปลายปีที่ผ่านมาก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้มหลามและผลตอบแทนที่ขึ้นไปกว่า 60% ภายในระยะเวลาอันสั้นก่อนที่ราคาจะปรับลงมาหลังจากนั้น
กองนี้ลงทุนในกองหลัก Nikko AM ARK Disruptive Innovation Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่ใช้หลักการตามกอง ARK Innovation ETF โดยมี Cathie Wood เป็น CEO ซึ่งเธอเป็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากในปีที่ผ่านมา
โดยกองนี้จะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มนวัตกรรมที่เขามาเปลี่ยนแปลงโลกในอนาคตไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla จนไปถึงนวัตกรรม DNA sequencing ที่สามารถวินิจฉัยและปรับแต่งพันธุกรรมเพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายต่างๆ ลงได้
ราคากองทุน T-ES-GINNO-SSF ที่ปรับลงค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา แต่ผลประกอบการหุ้นในพอร์ทไม่ได้แย่มาก จึงมีแนวโน้มจะเห็นการฟื้นตัวของราคาได้ แต่ระยะยาวยังมีความเสี่ยงเรื่อง Valuation ที่แพง
Top 5 Holdings
- Tesla Inc (9.68%), 2. Square Inc (6.5%), 3. Teladoc Health Inc (5.77%), 4. Roku Inc (5.23%), 5. Invitae Corp (4.33%)
4.UNI-SSF
กองหุ้นกลุ่มนวัตกรรมอีกกองของ บลจ. UOB ที่ผลตอบแทนอยู่ในระดับกลางๆ จแต่จุดเด่นคือความผันผวนที่อยู๋ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับกองเทคตัวอื่นๆ โดยมี Maximum Drawdown เพียงแค่ราว 10% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
กองจะเน้นลงในหุ้นกลุ่มนวัตกรรมที่บริหารโดย UOB Asset Management (Singapore) Limited โดยจะพิจารณาหาหุ้นนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยวิธี Bottom up ในแต่ละอุตสาหกรรมเฟ้นหาหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตของนวัตกรรมและเทคโนโลยีสูง และจะเน้นลงทุนในระยะยาวแต่จะถือหุ้นนั้นไม่เกิน 10 ปี แต่จะเน้นกระจายลงทุนในหุ้นหลายๆ ตัวในสัดส่วนที่ไม่สูงมาก ทำให้ความผันผวนของผลตอบแทนนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำ
Top 5 Holdings
- Alphabet Inc (3.16%), 2. NIKE Inc (3.12%), 3. PayPal Holdings Inc (2.85%), 4. Visa Inc (2.82%) 5. Alibaba Group Holding Ltd (2.70%)
5.KKP TECH-H-SS
กองสุดท้ายคือ กองทุนเปิดเคเคพี EXPANDED TECH – HEDGED นำส่งเข้าประกวดโดย บลจ. เกียรตินาคินภัทร ที่เหมาะสำหรับคนที่เน้นสนใจลงในหุ้นเทคอเมริกา
กองนี้จะลงในกองหลัก iShares Expanded Tech Sector ETF ซึ่งจะเน้นลงในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NYSE Arca ประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
หากเราเข้าไปดูพอร์ตการลงทุนของกองนี้จะพบหุ้นส่วนใหญ่นั้นจะค่อนมีชื่อเสียงและคุ้นชินอยู่แล้วโดยเฉพาะ Top Holdings นั้นก็จะเป็นหุ้นกลุ่มเทคยักษ์ใหญ่ในอเมริกาเป็นหลักเช่น FAANG ดังนั้นกองนี้จึงเหมาะกับคนที่เน้นลงหุ้นเทคอเมริกาซึ่งจะง่ายต่อการติดตามดูผลประกอบการ
และที่สำคัญบริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่คือผู้ชนะในตลาดอยู่แล้วทำให้มีศักภาพในการแข่งขันและโอกาศเติบโตในระยะยาวเหมาะกับการลงทุนเพื่อการออมระยะยาวตามคอนเซ็ปของเราในวันนี้
Top 5 Holdings
- Microsoft Corp (8.78%), 2. Apple Inc (8.78%), 3.Amazon Inc (8.70%) 4.Facebook (5.72%) 5. Alphabet Inc Class A (4.63%)
ปิดท้ายด้วยเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของกอง SSF
เงินค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund: SSF) ใช้เป็น ค่าลดหย่อน ได้ ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 30% ของ “เงินได้ที่ต้องเสียภาษี” (ไม่ว่าจะเอามารวมยื่นภาษีด้วยหรือไม่) และไม่เกิน 200,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องถือ ครบ 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ
สนใจหรือเหมาะกับกองไหนก็พิจารณาเลือกลงทุนกันได้ตามสบายเลยครับ เราคัดสรรตัวเด็ดมาให้ท่านได้พิจารณากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อจะได้ประหยัดเวลาในการตัดใจเลือกลงทุน
BottomLiner
เพื่อไม่พลาดการลงทุนอย่างมีคุณภาพติดตาม บทความกองทุนอีกมากกับ Exclusive Content ในกลุ่มปิดของ BottomLiner สนใจอ่านรายละเอียดได้ที่ : https://forms.gle/DBhATCRfWprbcNuu7