กองทุน Principal Gcloud-A – เกาะกระแส Megatrend Cloud Computing
Cloud Computing หนึ่งใน Theme ที่กำลังเติบโตไปพร้อมกับโลกที่ย่างก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีอย่างเต็มตัว
กองทุนที่ลงทุนเน้นใน Cloud Computing โดยตรงหลักๆ มีอยู่ 2 กองทุน คือกอง Principal Gcloud-A และ กอง TCLOUD ของบลจ. Tisco ซึ่งในบทความนี้เราจะมาโฟกัสที่ตัว Principal Gcloud-A ก่อน
Principal Gcloud-A เป็นกองทุน Feeder Fund ลงทุนในกองทุนหลัก WisdomTree Cloud Computing UCITs ETF ซึ่งเป็น Passive ETF ที่อ้างอิงตาม BVP NASDAQ Emerging Cloud Index โดยเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นหลักๆ มีดังนี้
1.Industry:
บริษัทมีรายได้หลักมาจาก 2 เงื่อนไข
1.1. Cloud delivery model เช่น ธุรกิจให้บริการการใช้ระบบ ที่สามารถเขาถึงผ่านเว็บไซต์ โทรศัพทมือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
1.2. Cloud economic model เช่น Subscription-based, volume-based, or transaction-based offering
- Revenue growth:
2.1. บริษัทที่จะนำเข้าดัชนี: รายได้ต้องเติบโตอย่างน้อย 15% ทั้ง 2 ปี ก่อนหน้า
2.2. บริษัทที่อยู่ในดัชนี: รายได้จะต้องเติบโตอย่างน้อย 7% อย่างน้อย 1 ใน 2 ปี ก่อนหน้า
นอกจากนี้บริษัทจะต้องมีรายได้ที่เกี่ยวกับธุรกิจ Cloud อย่างน้อย 50% ของรายได้บริษัท (Pure Play)
ดังนั้นบริษัทที่อยู่ในกองทุนนี้จะไม่มีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon และ Microsoft เนื่องจากรายได้ที่มาจากธุรกิจ Cloud ไม่ถึง 50% ของรายได้บริษัท
กองทุนแบ่งสัดส่วนการลงทุนโดยยึดหลัก Equal weighted ในหุ้นราวๆ 50 ตัวเฉลี่ยน้ำหนักตัวละประมาณ 2% ทำให้เหมาะกับนักลงทุนที่เน้นลงทุนใน Theme Cloud เพื่อคาดหวังการเติบโตระยะยาวจากอุตสาหกรรมจริงๆ
เรามาอัพเดตหุ้น Top Holdings ในพอร์ตของกองกันดูว่ามีอะไรบ้าง (ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2564)
1.Dropbox Inc-Class A (2.27%)
Platform บริหารจัดการไฟล์ที่คนไทยหลายๆ คนรู้จักหรือกำลังใช้งานอยู่ ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้งานในปัจจุบันกว่า 700 บัญชีทั่วโลก แต่ปัญหาคือมีจำนวนบัญชีที่ยอมอัพเกรดเป็น Premium และจ่ายตัง เพียง 15.5 ล้านบัญชี ทำให้การเติบโตนั้นค่อนข้างจำกัด รวมถึงคู่แข็งในตลาดมากมายอย่าง Google drive, One Drive หรือ Box อย่างไรก็ดี ARR, Paying User และ ARPU ก็ยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
2.Adobe Inc (2.17%)
บริษัทซอฟต์แวร์ด้าน Creative ขนาดใหญ่ที่ใครๆก็รู้จักหรือเคยใช้งานกันมาบ้างแล้ว ที่ให้บริการการใช้ซอฟต์แวร์ผ่าน Subcription Model โดยรายได้ไตรมาส 1,2021 โตราว 30% และราคาหุ้นเพิ่มขึ้นหว่า 500% ในช่วง 5 ที่ผ่านมา
3.Cloudflare Inc – Class A (2.07%)
ผู้ให้บริการ CDN (Content Delivery Network) เจ้าใหญ่ที่มีเซิฟเวอร์หลายแห่งทั่วโลก นอกจากการได้รับผลประโยชน์ตรงๆ จากเรื่อง CDN แล้วก็ยังจะได้รับอานิสงค์ของเรื่องอื่นอย่างเช่น Performance และ Security อีกด้วย โดยบริษัทมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 50% (CAGR) และมีลูกค้ารายใหญ๋ที่เพิ่มขึ้นกว่าปีละ 73% แถมยังลูกค้ารายใหญ่ที่ใช้บริการค่าใช้จ่ายต่อหัวก็เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 90% นับตั้งแต่ปี 2017 ทำให้มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น 400% ภายในระยะเวลา 1ปี
4.Zoom Video Communications-A (1.53%)
ผู้ให้บริการระบบประชุมออนไลน์และเป็นที่นิยมอย่างมากหลังจากเกิดโควิด-19 โดยมีจุดเด่นที่คุณภาพของเสียงเเละคุณภาพของวีดีโอที่ส่งไปถึงผู้รับนั้นอยู่ในระดับสูง เเละใช้งานง่าย ผู้ใช้งานสามารถจัดการประชุมที่มีผู้เข้าร่วมพร้อมกันสูงสุดถึง 500 คน นอกจากนี้รายได้ในไตรมาส 1,2021 โตสูงถึง 326%
5.Anaplan Inc (1.42%)
Anaplan เเพลตฟอร์มด้านการวางเเผนเเละการบริหารจัดการประสิทธิภาพองค์กร (EPM) ช่วยกำหนดเเผนการดำเนินงานกลยุทธ์เเละเป้าหมายขององค์กรให้ชัดเจนสะท้อนงบประมาณที่มีอยู่ทำให้สามารถคาดการณ์ธุรกิจเเละตัดสินใจได้ดีขึ้น ซึ่งรายได้โตกว่า 48% ในปี 2020 และคาดว่าจะโต 33% ในปีนี้
ความเสี่ยงที่น่าจับตาTheme Cloud Computing นั้นร้อนแรงมาได้สักพักหนึ่ง ในระยะยาวนั้น Megatrend Cloud Computing คงไม่หายจากไปไหนอย่างแน่นอน โดยตลาดคาดว่าจะเติบโต 35% CAGR กอง Smart Beta Equal Weight เช่นนี้มีความลำบากในช่วงเปลี่ยนถ่ายสู่ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตาม ได้ปรับฐานลงมารอแล้ว
กองทุน Principal Gloud-A ปรับตัวลดลงโดยรวมราว 20% (ข้อมูล ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2564) จากจุดสูงในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำหรับใครที่อยากเน้นลงทุนเติบโตไปกลับตลาดในระยะยาวและอาจจะไม่ถนัดในการเลือกซื้อหุ้นเองก็ซื้อผ่านกองทุนได้ครับ
เตรียมพบกับ Live พิเศษในหัวข้อ หุ้นกลุ่ม FANGMAN ยังมีมนต์ขลังอยู่จริงหรือ? ด้วยเนื้อหาแบบเจาะลึกฉบับ BottomLiner พร้อมส่อง S – Curve ใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้น ได้ที่ BottomLiner Alumni เท่านั้น !!!
สนใจ พูดคุย ถามตอบใน Live แต่ยังไม่ได้สมัครคอร์สรบกวนสอบถามได้ที่เพจ https://www.facebook.com/102748405114408/posts/165540265501888/?sfnsn=mo
ในช่วงเวลาที่ทุกคนต่างมีหุ้น กองทุน หรือ Cryptocurrency เต็มพอร์ต แต่กลับสร้างความหนักใจอย่างมากในช่วงขาลง บางทีการ Back to Basic อาจเป็นสิ่งที่คู่ควรที่สุดในเวลานี้
BottomLiner