Lucid Motors ม้ามืด EV เขย่าบัลลังก์ Tesla
ท่ามกลางสภาพความตื่นตัวหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า ล่าสุดมีบริษัทชื่อดัง “Lucid Motors” กำลังจะ IPO ขอเกาะกระแสไปด้วย
.
แล้วเพราะอะไรบริษัทนี้ถึงน่าสนใจ ตามไปอ่านกันได้เลย
- CEO บริษัทนาย Peter Rawlinson เป็นลูกหม้อเก่าของ Tesla (แถมขนพนักงานออกมาด้วยอีกเพียบ)
เขาเคยนั่งคุมตำแหน่ง Vice President of Engineering ที่ Tesla และยังเป็น Chief Engineer ของ Model S ในตอนนั้นอีกด้วย
ส่วนลูกหม้อ Tesla อีกคน คือ Peter Hocholdinger นั่งตำแหน่ง Vice President of Manufacturing ของ Lucid Motors ซึ่งเป็นตำแหน่งเดิมกับตอนที่อยู่กับ Tesla
อีกหลายตำแหน่งก็ยังมีบุคลากรของ Tesla มาร่วมทำงานกับ Lucid Motors ซึ่งจุดแข็งด้านบุคลากรนี้ ทำให้น่าสนใจว่าจะสามารถให้ผลลัพธ์ออกมาเหมือนอย่างที่ Tesla เคยทำได้สำเร็จ - Lucid Air เป็นรถรุ่นแรกที่บริษัทเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2020 และน่าจะเข้าสู่กระบวนการผลิตในช่วงเดือนเมษายนปีนี้ ซึ่งทางบริษัทมีโครงสร้างที่จะรองรับการขยายตัวของรุ่นอื่นที่จะคลอดตามมาในอนาคต ที่สามารถสลับสับเปลี่ยนและผลิตได้ง่ายเพื่อประหยัดงบลงทุนในเฟสต่อๆไป
- Lucid มีการพูดคุยกับกลุ่ม Saudi Arabia’s public wealth fund เพื่อสร้างโรงงานในซาอุดิอาระเบีย โดยจุดนี้น่าสนใจเพราะประเทศนี้กำลังหา s-curve การเติบโตใหม่หลังหมดยุคของน้ำมัน และกองทุนเคยให้เงินลงทุนกับ Lucid ไปแล้วกว่า 30,000 ล้านบาทในปี 2018 เพื่อทำรถต้นแบบ “Lucid Air”
- Lucid Air เป็นรถที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในตระกูลรถยนต์ไฟฟ้า มีประสิทธิภาพสูงกว่า Tesla ประมาณ 14% (ดูข้อมูลจากรูปใน comment) จะเห็นว่า Lucid Air วิ่งได้ 7.4 กิโลเมตร/kWh ส่วน Tesla Model S เดิมวิ่งได้ 6.6 กิโลเมตร/kWh (1 kWh เท่ากับ 1 หน่วยไฟฟ้าที่ใช้ในบ้านเรา ราคาหน่วยละประมาณ 4 บาทกว่าๆ)
- Lucid Air มีระยะวิ่งไกลที่สุดต่อการชาร์จที่ราว 832 กิโลเมตร ซึ่งล่าสุด Model S รุ่นปรับโฉมใหม่จะวิ่งได้ประมาณ 837 กิโลเมตร
แต่สงครามยังไม่จบแค่นั้น Lucid แถลงล่าสุดบอกว่าจะทำได้ 890 กิโลเมตรเมื่อมีการผลิตรถจริงๆออกมา ซึ่งคิดเป็นประสิทธิภาพที่ดีกว่า Tesla ถึง 19.5% !!! (ฟังหูไว้หูด้วยนะครับ) ชัดเจนว่า Lucid มาเขย่าบัลลังก์ Tesla กลายๆ - แล้ว Lucid มีดีอะไรถึงทำรถที่มีประสิทธิภาพได้สูงกว่า Tesla ?
คำตอบคือสูตรลับในส่วนของ Powertrain หรือระบบส่งกำลังของรถแบบ Permanent Magnet Synchronous Motors ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ Tesla ใช้ แต่ทาง Lucid ปรับปรุงเรื่องประสิทธิภาพส่วนของขดลวดภายในเพื่อให้ระบบทำงานได้เย็นกว่าเดิม โดย Lucid เรียกเทคโนโลยีนี้ว่า Axial Jet Cooling Manifold
หน้าตารถหล่อ/สวยผ่านเกณฑ์แล้ว แต่ระบบข้างในยังล้ำหน้าด้วย
มาอ่านกันต่อทำไม Lucid Motors จึงมีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
- Lucid ใช้แบตเตอรี่ระบบ 900 โวลต์ เมื่อเทียบกับ Tesla หรืออีกหลายค่ายรถยนต์ไฟฟ้า ที่ 400 โวลต์ จุดนี้ทำให้แบตเตอรี่ของ Lucid มีประสิทธิภาพในสภาพการใช้งานดีกว่าประมาณ 4.5 เท่าเมื่อเทียบกับระบบ 400 โวลต์ แถมเปลี่ยนมาใช้ Silicon Carbide Inverter จากปกติ จะเป็น Silicon Inverter ธรรมดา
.
ซึ่งจุดนี้ก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้ามากขึ้นไปอีก อารมณ์แบบต้นทุนสูงไม่ว่าแต่ของเราต้องดีที่สุดดด (Silicon Carbide คืออนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าเลยก็ว่าได้ ปัจจุบันมีหุ้น Cree (NASDAQ: CREE) เป็นผู้เล่นหลัก)
. - Lucid Air มีการดีไซน์ที่ไม่เหมือนกับรถ EV ทั่วไป จากที่บริษัทมีข้อได้เปรียบเรื่องระบบส่งกำลังที่มีประสิทธิภาพสูงจึงสามารถที่จะย่อขนาดของระบบนี้ลง ทำให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวางมากขึ้น โดยเฉพาะส่วนกระโปรงหน้า โดยเคลมว่าจะมีพื้นที่กระโปรงหน้าใหญ่กว่าผู้นำในกลุ่มรถประเภทนี้ราว 89%!!! และใหญ่กว่าผู้นำประเภท SUV ถึง 40%!
. - Lucid ยืนยันแล้วว่ากำลังพัฒนารถแบบ SUV เพิ่ม โดยมีชื่อโปรเจคว่า Gravity ซึ่งจะมีการใช้ประโยชน์จาก Modular Platform ที่ตั้งใจคิดไว้ล่วงหน้าที่ชื่อว่า Lucid Electric Advanced Platform หรือ LEAP รถ SUV ของ Lucid น่าจะมีกำหนดเปิดตัวช่วงปี 2023
. - ปัจจุบันโรงงานของ Lucid มีกำลังที่จะผลิตรถได้ประมาณเพียง 30,000 คันต่อปีสำหรับ Lucid Air ล้วนๆซึ่งเป็นรถแบบพรีเมียมเท่านั้น ซึ่งค่อนข้างมากเลยเมื่อเทียบกับ Tesla ที่ส่งมอบ Model S ไปราว 18,000 คัน
.
ทาง Lucid บอกว่าบริษัทวางแผนไว้จะสามารถขยายกำลังการผลิตไปได้ถึง 400,000 คันต่อปี เพราะบริษัทกำลังมองไปที่ตลาดรถราคาประหยัดแบบ Tesla Model 3 อยู่เช่นกัน ซึ่งตรงนี้จะเผยพลังที่แท้จริงของ LEAP มาให้เห็น
. - ส่วนเรื่อง Autonomous Lucid มีการช่วยการขับขี่ที่ชื่อว่า Lucid DreamDrive โดยใส่ LiDAR และเซนเซอร์อื่นๆเข้ามาประมาณ 32 ตัวที่เป็นมาตรฐานของ Lucid Air ซึ่งทางบริษัทคิดว่าเพียงพอต่อการพัฒนาระบบต่างๆเพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งน่าจะหมายถึง Autonomous Level 5 นั่นเอง
. - จะมีส่วนที่บริษัทยังตาม Tesla ไม่ทันตอนนี้ ก็คือเรื่อง Autonomous เพราะ Tesla มีการเก็บข้อมูลไปหลายพันล้านกิโลเมตรแล้ว แต่ Lucid ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยบริษัทก็ใช้เงินแก้ปัญหา ดึง Eugene Lee ที่เคยดูแลส่วนการพัฒนา Algorithm ที่ชื่อว่าโปรเจค Super Cruise ของ General Motors มาร่วมทีม
.
ซึ่งโปรเจคนี้เรียกได้ว่าเป็นราชาในระบบช่วยขับหรือ ADAS เลยก็ว่าได้ และนาย Lee คนเดิม ก็เคยเป็นหัวหน้าหน่วย Autonomous Vehicle Development Center ของ Hyundai ซึ่งวางแนวทาง 10 ปีในการพัฒนาระบบ ADAS
. - Lucid กำลังจะเข้าตลาดโดยมีการเก็งไว้ว่าจะควบรวมกับ SPACs ที่ชื่อว่า Churchill Capital Corp IV (NYSE: CCIV) แต่ยังไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการออกมาจากทางบริษัท ซึ่งมีโอกาสเปลี่ยนแปลงเป็น IPO แบบปกติก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นระมัดระวังถ้าหากต้องการลงทุนใน Lucid Motors ต้องรอให้ข่าวนิ่งก่อนจะดีกว่า
.
แล้ว SPAC คืออะไร ?
SPAC ย่อมาจาก “Special Purpose Acquisition Company” หรือแปลเป็นไทย คือ บริษัทที่ตั้งมาเพื่อควบรวบกิจการโดยเฉพาะ ซึ่งเมื่อ SPAC ทำ IPO สำเร็จ ได้เงินมาก็เอาเงินมานอนรอไว้เฉยๆ เพื่อหาการควบรวมกิจการกับบริษัทที่น่าสนใจ ถ้าเจอเป้าหมายแล้วก็จะนำบริษัทนั้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
ทางลัดสำหรับการ IPO ตามคำกล่าวที่ว่า “ความเร็วเป็นเรื่องของปีศาจ!!”
ของดีอย่างงี้ อย่าลืมช่วยแชร์ให้พวกเราด้วยเด้อ
Bottomliner