Square หุ้นเด็ดกอง ARK ผู้เปลี่ยนโลกการเงิน
รู้หรือไม่ ?! เจ้าของ Twitter, Square เป็นคนเดียวกัน
Jack Dorsey ผู้ก่อตั้ง Twitter ที่เด็กไทยใช้ตามดารา ส่วนผู้ใหญ่ใช้ตามข่าวลงทุน
Dorsey ยังได้สร้างบริษัท Square ที่คาดว่าจะมา disrupt ธุรกิจการเงินอีกด้วย !!
ท่านๆน่าจะเคยได้ยินเรื่องเล่าของการกำเนิด Pixar โดย Steve Jobs ที่ถูกไล่ออกจาก Apple
Jack Dorsey เองก็เกิดเหตุการณ์แนวๆนั้นขึ้น เมื่อปี 2008 บอร์ดของ Twitter ได้บีบให้ Jack ต้องลงจากตำแหน่ง แต่ด้วยความสามารถเขาก็ได้ก่อตั้ง Square ขึ้นมาทันที และสร้างให้กลายเป็นบริษัท Payment อันดับต้นๆของสหรัฐแข่งกับ PayPal
โดย Square เริ่มต้นจากการเป็นผู้ให้บริการที่จะช่วยให้ เจ้าของกิจการทำระบบการขายได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่เริ่มต้น ระบบหน้าร้าน การจัดการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง และความสามารถด้าน Digital Payment ที่มีอัตราค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าสถาบันการเงิน
จุดเด่นของ Square เห็นจะเป็นความสามารถของพี่แจ็ค ที่เข้าใจ pain point เป็นอย่างดี (ก็เทพ startup นี่นะ) โดยเริ่มจากเครื่อง POS ที่อ่านบัตรเครดิตได้ เรียกว่า Square Stand และได้สร้าง POS Software, Accounting software integrations, Reporting & Analytics เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เพื่อให้พ่อค้าใช้งานได้แบบ all in one
เมื่อมีร้านค้าอยู่ใน Ecosystem ของ Square มากเท่าไหร่การเติบโตก็จะยิ่งมาขึ้นเท่านั้น จึงทำให้เกิด Network effect
ส่วนธุรกิจแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่ Seller Ecosystem และ Cash App Ecosystem
ธุรกิจฝั่ง Seller Ecosystem จะเข้ามาแทนที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เป็นตัวเชื่อมกับร้านค้า โดยความน่าสนใจอยู่ที่ค่าธรรมเนียมกับร้านค้ารายเล็กที่ต่ำกว่าสถาบันการเงินมาก และเป็นรูปแบบที่ครบวงจรตั้งแต่การรับชำระเงินไปจนถึงระบบจัดการบริการร้านค้าและปล่อยกู้
รายได้ฝั่ง Seller Ecosystem ประกอบด้วย
- Transaction based fee เป็นค่าธรรมเนียมในการชำระเงิน
- Subscription based fee ค่าธรรมเนียมในส่วนบริการอื่นๆ
- Hardware คือ รายได้จากการขายเครื่อง PoS
โดยรายได้ทั้งสองส่วน (Transaction และ Subscription) เป็น Recurring Revenue ทำให้รายได้เข้ามาเป็นรูปแบบรายเดือน รายปี
อีกส่วนธุรกิจที่ เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของ Square คือ Cash App หรือธุรกิจ Digital Wallet (ถ้าเป็นบ้านเราให้นึกถึง True Money Wallet หรือ Rabbit Line Pay) หลักการคือเราทำการสร้างบัญชี โดยผูกบัญชีเข้ากับธนาคารและทำการโอนเงินเข้าไปเก็บในแอพ ผู้ใช้งานแต่ละคนจะได้รับ $Cashtag ส่วนตัว และสามารถโอนเงินให้กับคนอื่นเพียงแค่มีเบอร์หรือ E-mail ไว้ในมือถือ
Cash App ช่วยให้ลูกค้าใช้มือถือจ่ายบิล ชำระสินค้าและบริการ รวมถึงการโอนเงินระหว่างบุคคล โดยขยายฟังก์ชั่นการบริการแบบ Peer-to-Peer (P2P) และ Feature เพื่อการลงทุนอย่างเช่นผู้ใช้สามารถซื้อ Bitcoin และ Cryptocurrency ผ่านแอพได้ หรือแม้กระทั่งซื้อขายหุ้นได้เลย
การชำระสินค้ายังได้รับ Reward ผ่านร้านค้าที่ใช้ Square ความน่าสนใจของ Cash App อีกอย่างคือมีบัตรเดบิตให้ฟรี เรียกว่า Cash Card ที่สามารถใช้จ่ายกับร้านค้าได้ทั้งที่รับบัตรทั้ง Online และ In-Store ได้ แต่น่าเสียดาย Cash App ยังใช้ได้แค่ในบางประเทศเท่านั้น
สิ่งที่ดีงามของ Cash App คือ ฟรี !! แต่จะคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในบางรายการเท่านั้น ทั้งฝั่งร้านค้า และลูกค้าตาดำๆ
รายได้ฝั่ง Cash App Ecosystem ประกอบด้วย
interchange fee คือค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากร้านค้าที่รับชำระผ่าน Cash Card
ค่าธรรมเนียมฝากหรือถอนเงินสดแบบเร่งด่วนใน Cash App
ค่าธรรมเนียมจากการโอนเงินออกจาก Cash App ไปบัญชีธนาคารอื่นในกรณีต้องการเงินแบบเร่งด่วน
Cash App Monthly Active Customers ในแต่ละปี
2018 : 15 ล้านคน
2019 : 24 ล้านคน
2020 : 36 ล้านคน
จากสถานการณ์โควิดในปีที่ผ่านมาทำให้ Square ได้รับประโยชน์เต็มๆ เนื่องจากตลาด E-Commerce โตแรงทำให้ยอดธุรกรรมผ่าน Square และแน่นอนว่าส่งราคาหุ้นพุ่งกว่า 500% (หลังจากการระบาดโควิดในช่วงเดือนมีนาคมปี 2020) และในปัจจุบัน Market Cap อยู่ที่ 105,000 ล้านดอลลาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2564)
รายได้ของ Square
2018 : 3,298 ล้านดอลลาร์
2019 : 4,713 ล้านดอลลาร์
2020 : 9,497 ล้านดอลลาร์
และ Square ยังมี Feature รองรับ Bitcoin Wallet ที่สามารถซื้อหรือขายได้ จึงทำให้เกิดรายได้ใหม่ๆ ทั้งการซื้อขายตรงๆ รวมถึงการใช้ infrastructure ของ blockchain ในฝั่ง payment ในอนาคตได้ด้วย อีกทั้งยังซื้อหุ้นได้ด้วย !!!
แต่เรื่องราวสวยหรู ดันมาดูแปลกไป เพราะ Square บันทึกยอดซื้อขาย Bitcoin มาใส่อยู่ในรายได้ด้วย (Bitcoin Revenue) โดยเป็นการใส่เข้าไปทื่อๆ ไม่ได้ใส่แต่ค่าธรรมเนียม !! ส่งผลให้รายได้นั้นพุ่งสูงขึ้นมาก แต่ในทางกลับกันหากนับในรูปแบบของกำไรขั้นต้น (Gross margin) แล้วใน Sector นี้แล้วจะอยู่แค่ไม่ถึง 2% ของรายได้ในส่วนนี้ (ก็เก็บ fees 1.76%นี่นะ)
Update งบไตรมาล่าสุด
Seller Ecosystem ส่วนนี้ Gross Profit อยู่ที่ 468 ล้านดอลลาร์ เติบโต 32% YoY
Cash App ส่วนนี้ Gross Profit อยู่ที่ 495 ล้านดอลลาร์ เติบโต 171% YoY
ไตรมาส 1 ทั้งสองส่วนเติบโตได้ดีหากดูในมุมการเติบโตที่ผ่านมาจะอยู่ที่ 50% CAGR และบริษัทคาดว่า Gross Profit ในไตรมาส 2 อยู่ที่ประมาณ 130% แต่คิดเป็น 2Y CAGR ตั้งแต่ปี 2019 – 2021 จะอยู่ที่ 25-30%
ปีนี้การลงทุนไม่ง่ายอย่างที่คิด อยากหาข้อมูลเพิ่มเติมทั้งหุ้นและกองทุน BottomLiner สรุปมาให้แล้วกับ Exclusive Content เพื่อการตัดสินใจลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สนใจอ่านรายละเอียดได้ที่ (https://forms.gle/DBhATCRfWprbcNuu7)
BottomLiner