ดัชนีตลาดหุ้นฮ่องกงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สุดในรอบ 51 ปี หวังเป็นสถานที่ระดมทุนหลักแทนตลาดสหรัฐ
สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง จีน-สหรัฐ ยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้นแม้ Trump จากไปแล้ว ส่งผลให้รัฐบาลจีนต้องเตรียมตัวให้พร้อมต่ออนาคตที่ไม่แน่นอน ซึ่งในส่วนของภาคการเงินได้มีการเสริมความพร้อมให้ฮ่องกงขึ้นมาเป็นสถานที่ระดมทุนหลักตั้งแต่ปี 2019 ผ่านการแก้ไขกฎหลายอย่างเพื่อเปิดช่องให้บริษัทจีนเข้าจดทะเบียนได้ง่ายขึ้น
ล่าสุดดัชนีตลาดหุ้นฮ่องกง (Hang Seng) ประกาศเปลี่ยนเกณฑ์ครั้งใหญ่ และมี 3 ข้อที่น่าสนใจ
- ตั้งเป้าเพิ่มหุ้นในดัชนีให้ถึง 80 ตัวในปีหน้า จากปัจจุบันที่มีเพียง 52 ตัว
- หุ้นที่เข้าตลาดมาอย่างน้อย 3 เดือนจะสามารถถูกเลือกเข้าดัชนี Hang Seng ได้ทันที (ลดช่องว่างเวลาที่หุ้นขนาดใหญ่จะถูกดันเข้าดัชนีได้หลัง IPO มาแล้ว)
- กำหนดน้ำหนักสูงสุดของหุ้นในดัชนีไม่ให้เกิน 8% จากปัจจุบันที่ใช้เกณฑ์ไม่เกิน 10% สำหรับหุ้นทั่วไปและ 5% สำหรับ secondary listings กับ unequal voting rights
ข้อ 3 จะส่งผลโดยตรงต่อหุ้นขนาดใหญ่ในดัชนี ตัวอย่างเช่น Tencent (HKG: 0700), AIA (HKG: 1299) ซึ่งปัจจุบันมีน้ำหนักเกิน 8% ตามเกณฑ์ใหม่ ทำให้จะต้องถูกลดขนาดในดัชนี
ในทางตรงข้ามหุ้นอย่าง MEITUAN (HKG: 3690), ALIBABA (HKG: 9988), XIAOMI (HKG: 1810) จะได้ผลดี ปลดข้อจำกัดที่ตัวหุ้นเป็น secondary listings หรือ unequal voting rights ซึ่งที่ผ่านมาถูกจำกัดน้ำหนักแค่ 5% ในดัชนี จะเพิ่มได้ถึง 8% ตามเกณฑ์ใหม่
ส่งผลให้ในเร็วๆ นี้ ETF และ passive fund ที่อิงกับดัชนี Hang Seng จะต้องปรับน้ำหนักตาม ส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาหุ้นที่เราเล่ามา
BottomLiner