หุ้น Platform ยังน่าสนใจอยู่ไหม หลังโควิด
หากโลกนี้มีวัคซีน …
โลกการลงทุนจะเปลี่ยนไปอย่างไร???
เราจะเห็นว่าในปีก่อน ทุกครั้งที่ปิดเมืองหุ้น Platform + Payment และอื่นๆที่ได้ประโยชน์จะวิ่งกันสนุกสนาน แต่ตั้งแต่มีวัคซีน พฤติกรรมเหล่านั้นก็จากไป โดยเฉพาะการปิดเมืองในครั้งนี้ ในหลายๆประเทศที่ปิดยาว … ผมบอกเลยว่า มันไม่ไปขึ้นที่ P ที่ขึ้นที่ E แทน (คือไม่ขึ้นเพราะความคาดหวัง เผลอๆ ตกด้วยซ้ำ แต่รายได้ กำไรจะดีขึ้น)
ดังนั้นคำตอบว่าโลกการลงทุนจะเป็นอย่างไร มองเป็น playbook แบบก่อนปี 2020 และปี 2020 ผสมกันออกมาเป็นปี 2021
หุ้น platform ในสายตาผมแยกออกเป็นสองกลุ่มใหญ่แล้ว คือ B2C และ B2B หรือคร่าวๆคือ
Consumer Platform ทั้งหลายแหล่ เช่น e-commerce streaming social media ทั้ง business to customer โดยตรง หรือให้ third party มาใช้งาน
Business to Business Platform เช่น cloud, CRM, tools ต่างๆ ไปจนถึง big data และ teleconference
หุ้นกลุ่มที่ 1 นั้น ( Consumer Platform ) เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค อย่างชัดเจน “ใช้แล้วคุณจะติดใจ” คำนี้สั้นๆแต่ชัดมาก มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งเปลี่ยนพฤติกรรมไปเลย เช่น
การซื้อของ online เมื่อได้ซื้อแล้ว ก็จะซื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง ถึงจะลดลง แน่นอนว่าเรายังไม่ถึงจุดที่ซื้อลดลง
การดูทีวีที่เปลี่ยนไป ทั้งช่องทีวีเอง และพฤติกรรมคนดู หันไปใช้ streaming TV มากขึ้น เหล่า cable TV ย้ายเข้า streaming platform
แม้แต่คนไม่ดูการ์ตูนบางคน ตอนนี้ก็เริ่มดูการ์ตูน เพียงเพราะมันอยู่บน netflix
บางคนไม่ดูซีรีย์ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่ง ก็ได้ดูมากขึ้น
แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เช่น การดูหนัง ยอดเปิดตัวหนังโรง ในบริการ streaming นั้นจัดว่ายังห่างไกล โรงหนังนัก หรือการท่องเที่ยว คอนเสิร์ตต่างๆ คนก็ยังถวิลหาอยู่
หากเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ ก็จะสังเกตได้ว่ากลุ่ม FAANG ไม่ได้ลงมาถล่มทลายเหมือนหุ้น platform ที่อยู่ใน ARK เดี๋ยวเรามีเขียนบทความตรงนี้เพิ่มให้ครับ
หุ้นกลุ่มที่ 2 ( B2B platform) สำหรับผมนั้น จืดจางไปมาก เรื่องนี้ก็สะท้อนผ่านราคาหุ้น แม้ทุกตัวจะอยู่ใน megatrend digital transformation อันยิ่งใหญ่นี้ ผลกระทบของโควิดนั้น บีบให้บริษัทลด cost ให้มากที่สุด จะมีผลลบต่อกลุ่มนี้ ทั้งในแง่ ระบบเพื่อการทำงาน และระบบ Data หุ้นดังๆเช่น #NOW #TEAM #SPLK #CRM #AYX #SNOW ในขณะที่พวก tele เช่น #ZM ก็ได้รับผลกระทบ (แต่กลุ่มนี้จะวิ่งแรงมาหน่อย)
แต่ budget ที่ต้องเพิ่มคือ digital advertising .. ตรงนี้อาจมีข้อโต้แย้งว่า บริษัทเงินหมด จริงๆแล้วทุกบริษัทมีงบการตลาดอยู่แล้ว ก็เพียงโยกย้ายจาก offline สู่ online ไม่เพียงเข้าหุ้นอย่าง #FB #GOOG แต่ตอนนี้เงินเริ่มไหลไปพวก #TWTR #PINS #SNAP ต่อไป ก็จะไหลเข้า touch point อื่นๆ เช่น streaming TV, games, music เช่น #ROKU #GOOG #SPOT ค่อยๆไหลไปตาม user และ Digital Advertising Level adoption (แหม่ เรียกเองมั่วๆ คือแรกๆ กล้า spend แค่ media หลักๆ ต่อมาก็ spend มากขึ้นที่อื่น)
วันนี้เราเข้าใจสภาพปัจจัยพื้นฐานคร่าวๆ ณ ตอนนี้กันแล้วนะครับ ดังนั้นก็พอจะสรุปได้กันว่า กลุ่มไหน น่าสนใจ
เพียงแต่จะยืนได้แค่ไหน ใน tightening cycle ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องมาวิเคราะห์กัน หัวใจสำคัญอยู่ที่ valuations !! นโยบายทั้งตรงและอ้อม !! และอย่าลืมปัจจัยเฉพาะตัวของบริษัท ช่วงนี้แต่ละบริษัทมีออก features ใหม่ ดันรายได้เต็มไปหมดเลยเนอะ จะเข้าเมื่อไหร่กันน้า ต้อง re-rate หรือ de-rate กันนะ
และนี่คือตัวอย่างบทความพิเศษ ในหุ้นกลุ่ม BottomLiner Exclusive ของเรา สนใจเข้ากลุ่ม เพียงเดือนละ 169 สมัครครั้งแรก รบกวนโอน 3 เดือน 507 บาท ต่อๆไปเราจะให้โอนปีละครั้งครับ
สมัครได้ทาง https://forms.gle/S9cJ1dmb55dEk8b89 พร้อมส่งหลักฐานมาที่ BottomLiner – บทสรุปการลงทุน
หรือสนใจสมัครคอร์ส เพื่อวิเคราะห์หุ้น platform ทั้งหลาย อ่านรายละเอียดต่อใน comment
BottomLiner