เคล็ดลับเอาตัวรอดตลาดขาลงตามสไตล์ BottomLiner
เคยมีน้องถามผม หลายคนว่า ผมใช้เทคนิคอะไร มี framework ยังไงในการลงทุน
.
5 ครั้งหลังสุดท้าย ผมตอบแบบเดียวกัน เพราะใช้สอนเป็น Framework หลักของทีม BottomLiner ในการวิเคราะห์ ตอนนี้คิดว่ามันอยู่ตัวแล้ว พร้อมแชร์ให้ทุกคนฟังกันครับ ทยอยแชร์ และเดี๋ยวจะทำเป็น e-book ให้ครับ
.
ผมตอบน้องไปว่า ถ้าแม่น 3 เรื่องนี้ ลงทุนยังไงก็ไม่เจ๊ง
1 Fundamental
2 Event Timeline
3 Sentiment
ข้อ 2 จะทำให้คุณได้ Timing ได้วันที่จะซื้อหรือขาย
ข้อ 1,3 จะทำให้คุณได้ Direction ว่าจะซื้อหรือจะขาย
ส่วน technical ผมจะใช้หลังสุดจากเรื่องพวกนี้ คือกำหนดราคา ที่แนวรับหรือต้านอีกที
.
#Fundamental (1)
รู้ว่าลงทุนอะไรอยู่ ดีหรือไม่ดี?
ข้อนี้ง่าย เหมือนปู่ๆเซียนหุ้น ทั้งหลาย ทั้งปู่บัฟเฟตต์และปีเตอร์ลินจ์ ก็ลั่นวาจาไว้เช่นนี้
แต่ผมสรุปให้ สั้นๆ ที่คุณต้องรู้แบบเข้าใจมันจริงๆนะ คือรายได้มาจากไหน
อะไรจะเป็น S Curve ต่อไป ถ้าเกิดอะไรขึ้น จะกระทบบริษัทนี้ยังไง
ส่วนเรื่องงบการเงิน ก็เป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจ (บ้าง) แต่ผมให้น้ำหนักบน growth story และ business model มากกว่า และให้มากสุดบน what next? S Curve คืออะไร มีภาครัฐดันไหม
เมื่อคุณรู้ เข้าใจมันดีแล้ว คุณจะรู้ในเรื่องถัดไปเอง
#Event Timeline (2)
เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะมันจะเป็นสิ่งที่บอก Timing ได้ดีมากๆ ว่าวันไหน จะมี impact ที่สำคัญ
ในระดับเบสิก เราต้องรู้ว่า
งบออกวันไหน ข่าวออกวันไหน
FED พูดเมื่อไหร่
ตัวเลขเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับหุ้นตัวนี้ออกวันไหน
เมื่อมีประสบการณ์ รู้จักหุ้นดีพอ เราจะมองเห็น chain reaction ว่าถ้า … แล้ว … จะเป็นยังไงต่อ เช่น
ถ้าหุ้น A ที่สั่งสินค้าจาก หุ้น B งบออกก่อนแล้วไม่ดี หุ้น B จะลง
หรือ เรื่องอื่นๆ (ผมยังไม่ได้จัดกลุ่มประเภทของมันน่ะนะ)
โรงงานน่าจะต้องผลิตเพิ่มขึ้น จะเต็ม capacity ใน X ไตรมาสข้างหน้า ดูจาก demand และ เงินที่มีแล้ว คาดว่าจะต้อง ประกาศข่าวขยายโรงงาน คราวนี้ก็ย้อนไปที่ ข้อ 1 ว่ามีเงินมั้ย หนี้เยอะมั้ย มีลูกค้ารอซื้อมั้ย
หรือ
ธุรกิจเงินจะหมดในวันที่ Y และจะต้องเพิ่มทุน หุ้นจะดิ่งเหว
เมื่อคุณรู้วันเวลาแล้ว ถัดไปสิ่งที่คุณต้องรู้ก็คือ
.
#Sentiment (3)
รู้ว่าคนอื่นคิดอะไร?
เพราะตลาดหุ้น ประกอบไปด้วยคน มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวมาก
เช่น รู้ว่าคนคาดหวังกับงบที่จะประกาศยังไงถ้าคุณแม่นข้อ 1 คุณจะได้ตัวเลข หรืออาจจะได้กลิ่นของมันว่า มันคงไม่แย่อย่างที่ทุกคนคิด
หุ้นบางตัวน่ะ ดีมากเลย ดีจนขึ้นรถไฟฟ้า เดินกินข้าวตามห้างก็ได้ยินคนพูด
ถ้าทุกคนซื้อกันหมดแล้ว พูดกันเต็มบ้านเต็มเมือง แล้วคุณจะขายต่อให้ใคร ?
บางคนใช้แค่ sentiment เป็นชาวสวน contrarian ก็ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ
Sentiment ความคาดหวังนั้นสูงเกินไป ทำให้ต่อให้คุณจะได้ ก็ได้ไม่คุ้ม กับโอกาสเสีย หลายครั้งที่คนถามผมว่าทำไมไม่ชอบหุ้นตัวนั้น ตัวนี้ ผมตอบว่า hype ไป ได้ไม่คุ้มเสีย (ก็อย่าลืมดู valuation ด้วยนะ แต่หลัก valuation เราเน้นเทียบ growth เสมอ เรื่องนี้ไว้ขยายให้ฟังทีหลัง)
กับตัวเลขเศรษฐกิจก็ใช้ได้เช่นกัน รวมถึง event สำคัญต่างๆ เช่น เดากันว่าจะขึ้นดอกเบี้ยกี่ % หรือจะพูดว่าอะไร
ส่วนนี้เป็นอีกส่วนที่คนมักพลาด บางคนสามารถคิด ข้อ 1 – 2 ได้อย่างคล่องแคล่วแล้วแต่มาพลาดข้อนี้กันเยอะ
.
ยกตัวอย่างง่ายที่สุด ใกล้ตัวคนไทยหน่อย BYD ละกัน นับจากวันที่หุ้นจีน uninvestable
Fundamental
ใครๆก็รู้ว่า EV กำลังมาแรง หากส่องในจีน BYD ดูได้เปรียบที่สุด มี supply chain พร้อม ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลน chip และ battery น้อย เราเดาว่ายอดขายจะดี แย่ง market share คนอื่นได้ มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ อีกทั้งยังมีฝั่ง commercial vehicle รออยู่ไม่ต่างกับ tesla และบริษัทไม่ใช่พวกลุ้นว่าจะมีกำไรไหม
Event Timeline
มีเรื่องงบ และมีเรื่องรอส่ง battery ให้ Tesla ในเร็ววัน ซึ่งเล่นข่าวใหญ่ได้
โดยปกติวันงบออกจะเป็นวันที่บริษัทบอก guidance และปรับอะไรหลายๆอย่าง หรือประกาศข่าว
ส่วนภาพรวมเรื่องปิดเมืองก็คลุมเครือๆ แต่วันนึงมันก็ต้องเปิดเมืองน่ะนะ
Sentiment
คนร้องไม่เอาหุ้นจีนทั้งนั้น ในช่วงตลาดถล่ม ส่วนหุ้นรายตัวก็คาดว่ารายได้จะไม่ดี เพราะจะขายรถได้น้อย ผลิตได้น้อย คู่แข่งเยอะ
ผลลัพธ์คือ หุ้นขึ้นมา 60% (ถึงวันที่โพส)
เรื่องนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ซื้อหุ้นที่ พื้นฐานดี โตฝ่าพายุได้ แต่คนยังไม่กล้าซื้อ เมื่อถึงวันดีเดย์ ทุกอย่างออกมาดี มันจะเปลี่ยนความคิดคนได้ ทำให้หุ้นจะวิ่งแรง แม้จะไม่ได้ซื้อที่ bottom
.
.
การลงทุนที่ดีใน framework ของ BottomLiner จึงต้องมีทั้ง 3 ส่วนนี้ประกอบกัน
เพื่อทำให้การลงทุนของคุณนั้น ถูกที่ ถูกเวลา และยืดหยุ่นพอที่จะข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ และเรื่องนี้ใช้กับสินทรัพย์อะไรก็ได้ครับ
.
รอติดตามชมตอนต่อไปได้ ครับ ครั้งถัดไปน่าจะเจาะเป็นเรื่องๆไปเพื่อเติมเต็มในแต่ละข้อของ BottomLiner Framework FES นี้ (ยังไม่มีชื่อ) มีอีกราวๆ 20 เรื่องย่อย ที่ประกอบร่างเป็น Framework นี้ครับ
พี่อั้น
BottomLiner