รู้หรือไม่? หากคุณยังคงเทรดหุ้นไทยเพียงตลาดเดียว แปลว่าคุณกำลังขาดทุนจากโอกาสการลงทุนอยู่ !?
ต้องยอมรับว่าหุ้นไทยมีตัวเลือกให้ลงทุนน้อยเกินไปเทียบกับในตลาดหุ้นต่างประเทศโดยเฉพาะในสหรัฐและจีนที่มีโอกาสให้เราลงทุนได้ในแทบทุกเทรนด์อนาคต ซึ่งช่วยให้เราไม่พลาดโอกาสในทุกเทรนด์การลงทุนที่บูมขึ้นมา เช่น AI Clean energy แบบจริงๆ ไม่ใช่หุ้นไทยที่ขึ้นมาเกินพื้นฐานไปมาก
.
ยกตัวอย่างชัดๆ คือหุ้นกลุ่ม AI ที่ตอนนี้ใครๆก็พูดถึง ว่า AI กำลังจะมาแย่งงานหลายๆอย่างจากคนไป ซึ่งเราเชื่อว่าบางคนที่อ่านอยู่ก็อาจเริ่มใช้ ChatGPT หรือ Midjourney ในการทำงานทุกวันไปแล้ว ดังนั้นมันต้องมีบางบริษัทหรือบางธุรกิจที่กำลังจะเติบโตสูงจากเทรนด์ AI อยู่แน่ๆ คำถามคือแล้วเราจะหาหุ้นแบบนั้นได้จากที่ไหน
.
ถ้าลองหาจากในหุ้นไทยดูก่อนเราก็จะเจอ BlueBik (BBIK) และ Beryl 8 (BE8) ที่มีบริการให้คำปรึกษาเรื่อง Digital Transformation บริการ Big Data, Cloud และสร้างโมเดล AI ลูกค้าองค์กร ซึ่งพอจะใกล้เคียงเทรนด์ AI อยู่บ้าง แต่ก็ยังอ้อมๆ เช่น BE8 ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายระบบ CRM ที่ใช้บริหารข้อมูลลูกค้าของ Saleforce บริษัทใหญ่ใน US อีกทีหนึ่ง ซึ่งความจริงถ้าเราจะลงทุนหุ้น Salesforce โดยตรงเลยในตลาดหุ้นสหรัฐ ตัวย่อ Nasdaq: CRM
.
ในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาด US นั้นมีหุ้น AI อยู่เพียบให้เราลงทุน เช่น Microsoft ที่กำลังลงทุนในบริษัทผู้สร้าง ChatGPT และยังเอา AI มาใช้ใน Microsoft 365 และบริการอื่นๆอีกด้วย Google ก็เหมือนกัน
.
แล้วฝั่งหุ้นชิพหรือ Semiconductor ที่เป็นตัวขับเคลื่อน Data Center ให้ประมวลผล AI และข้อมูลมหาศาลอยู่เบื้องหลังล่ะ? ถ้ามองในตลาดไทยก็จะเจอ SICT บริษัทผู้ผลิตไมโครชิพ RFID เช่นที่ใช้เป็น Animal Tag และตัวอ่านข้อมูลบนบัตร เป็นต้น แต่บริษัทนี้ก็ไม่ได้ทำชิพเบื้องหลัง AI อย่าง CPU หรือ GPU ที่เรากำลังมองหา
.
กลับกันใน US นั้นมี NVIDIA ที่ทำชิพ GPU ใช้บน Data Center โดยตรง ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีใครเทียบชั้นเรื่องเทคโนโลยีบนชิพของ NVIDIA ได้ แถมลูกค้าของ NVIDIA ก็มีแต่คนคุ้นหน้าคุ้นตา เช่น Microsoft, Google, Amazon ที่ต่างเกาะเทรนด์ AI กันทั้งนั้น
.
มาดูกันบ้างว่าถ้าลงทุนซื้อหุ้น AI ตั้งแต่ ChatGPT เริ่มบูมขึ้นมาช่วงเดือนตุลาคมปีก่อน ตอนนี้จะได้ผลตอบแทนกันเท่าไหร่ จะเห็นว่า NVIDIA บวกแรงกว่า 130% ขณะที่ Microsoft, Google และ Amazon ขึ้นมาราวๆ 30-40% ซึ่งใช้เวลาแค่ราวๆครึ่งปีเท่านั้น เพราะหุ้นกลุ่มนี้ได้ประโยชน์จากเทรนด์ใหญ่มาก
.
นี่เป็นแค่ตัวอย่างจากธีมลงทุนเดียวเท่านั้น แต่ต่างประเทศยังมีอีกเยอะมาก มีหุ้น Solar, หุ้นรถไฟฟ้า (EV) และหุ้นธีมอื่นๆซึ่งในตลาดไทยอาจไม่มี ดังนั้นหากเราไม่อยากพลาดโอกาสการลงทุนดีๆ หรือมีค่าเสียโอกาสในการลงทุน เราก็ควรศึกษาการลงทุนทั้งในและต่างประเทศไว้ทั้งคู่เป็นอย่างน้อย ในช่วงที่ตลาดไทยไม่มีหุ้นได้ประโยชน์หรือน่าสนใจให้เล่น เราจะมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นอีกมากมายในการลงทุน
.
BottomLiner