Ray Dalio บอกให้ซื้อสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ เรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับช่วงปี 70
Ray Dalio แห่ง Bridgewater Associates ซึ่งเป็น Hedge Fund ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ออกมาพูดเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เขาคิดว่าโลกของเรากำลังอยู่ในสถานการณ์เดียวกับช่วงปี 1970 ซึ่งปกคลุมไปด้วยความกังวลของเงินเฟ้อและ ภาวะ Stagflation
พร้อมแนะนำให้นักลงทุน focus ลงทุนในสินทรัพย์ที่ป้องกันเงินเฟ้อได้ เพื่อป้องกันความปั่นป่วนที่จะเกิดขึ้น
.
Ray มองว่านักลงทุนทั่วโลกไม่ได้เตรียมรับมือการลงทุนในภาวะเงินเฟ้อได้ดีเท่าที่ควร
นอกจากนี้ Ray ยังสงสัยในความสามารถของ FED ในการหยุดเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เกิด Recession ตามมา
.
ปัญหาอย่างหนึ่งที่ Ray เห็นคือ FED อาจจะก่อนหนี้มากเกินไปในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ปัญหาต่าง ๆ มารุมเร้าตอนนี้และ ไม่มีตัวเลือกอย่างอื่นนอกจากการขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่ ซึ่งสุดท้ายก็จะไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักลงทุนอยู่ดี
(เช่น เงินเฟ้อ +7% Yield 3% รวมกันแล้วยังขาดทุนอยู่ 4% อยู่ดี แต่จะให้ FED ขึ้นดอกเบี้ยไปที่ 10%+ ก็ดูจะเป็นไปได้ยาก)
.
นอกจากนี้ Ray ยังกล่าวว่าการลงทุนในอนาคตจะซับซ้อนมากขึ้น โดยชี้ไปที่นโยบายประชานิยมของสหรัฐที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่ความแยกแยกทางการเมืองและความตึงเครียดระหว่างประเทศ
.
ซึ่งไม่น่าจะมีใครไปนอกจาก จีน และสหรัฐจะถูกกดดันมากขึ้นจากทั้งในและนานาประเทศให้เพิ่มมาตราการกับจีนอีกด้วย
.
เราคิดว่า Ray พูดถูก และเป็นแนวคิดของเขามานานแล้ว แต่อาจจะออกมาพูดช้าไปหน่อยตามสไตล์ไม่สามารถบอกเป็นนัย action การลงทุนของ Bridgewater ได้
ซึ่งเรื่องนี้เราเคยบอกในกลุ่ม Exclusive ไว้ ตั้งแต่ 8 มีนาคม
.
เราตัดบางส่วนจากกลุ่ม Exclusive มาเล่าให้ฟัง….
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากน้ำมันดีดแรง หลัง OPEC หยุดส่งออกน้ำมันในปี 1973 และหลังจากนั้นอีกรอบในปี 1979
ปีนั้นเกิดสงครามอิสราเอลกับประเทศอาหรับ โดยพี่ใหญ่สหรัฐหนุนหลังยิวเต็มที่ มีทั้งการส่งอาวุธและเงินทุน
แน่นอนว่าฝั่งอาหรับหงุดหงิดมาก ประกาศลดกำลังการผลิตและหยุดส่งออกน้ำมันให้สหรัฐและพันธมิตร ทั้งอังกฤษ ญี่ปุ่น แคนาดา แถมประกาศให้ต้องซื้อน้ำมันด้วยทองเท่านั้น งดรับเงินดอลลาร์ที่มองว่าสหรัฐพิมพ์ได้เองไม่จำกัด
.
ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วทำให้ทั้งโลกอยู่ในภาวะช็อค ราคาน้ำมันพุ่งจาก $3 ต่อบาร์เรล เป็น $12 ต่อบาร์เรล ในเพียงช่วงข้ามคืน และถึงมีเงินยังอาจหาซื้อไม่ได้เพราะเกิดการลดกำลังการผลิต เกิดภาวะ oil shortage ในหลายประเทศ
.
หลังการประกาศลดกำลังการผลิตและหยุดส่งออกน้ำมันทำให้ฝ่ายสหรัฐปั่นป่วนกันหมด มีการบังคับใช้นโยบายควบคุมราคาสินค้าหลายอย่างเพราะเงินเฟ้อพุ่งแรง แถมเกิดคำสั่งประหยัดพลังงาน เช่น จำกัดความเร็วรถ ควบคุมเวลาเปิด-ปิดปั้ม จัดให้เติมน้ำมันสลับวันตามทะเบียนเลขคู่เลขคี่ และหลายครั้งปั้มไม่มีน้ำมันให้เติม เกิดการประท้วงในหลายพื้นที่ตามมา
.
กลุ่มเพื่อนสหรัฐเริ่มหันหน้าหนี ยอมรับผิดไปแล้วของ้อคืนดีกับอาหรับ โดยเฉพาะยุโรปและญี่ปุ่นที่พึ่งน้ำมันจากแถบนี้ถึง 80% ยอมมอบตัวเลิกสนับสนุนอิสราเอล เปลี่ยนเป็นเชียร์อาหรับแทน
.
ขณะที่พี่ใหญ่สหรัฐค่อนข้างช็อคตั้งตัวไม่ถูก แต่จะทิ้งอิสราเอลก็ทำไม่ได้ จึงต้องยอมรับผลกระทบเงินเฟ้อพุ่งยาวๆทั้งปี 1973-1974 สูงสุดประมาณ 12-13%
บีบให้ Fed ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย
สร้างผลเสียลามไปถึงตลาดหุ้นร่วงเกือบ -50% ในช่วงนั้น
แถมความเสียหายลามไปยัง อังกฤษ ยุโรป ญี่ปุ่น เรียกได้ว่านักลงทุนเจ็บกันถ้วนหน้า
.
ในทางตรงข้าม เหล่าผู้ส่งออกน้ำมันรวยขึ้นกันทันที มีเงินทุนสะสมขึ้นมาก เปลี่ยนจาก nobody เป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลของโลก
.
หลังดูแล้วยิ่งยืดเยื้อจะตายหมู่ จึงมีการสะกิดอิสราเอลให้ถอนทัพ และเซ็นสัญญาสงบศึก ทำให้ฝั่งอาหรับกลับมาส่งออกน้ำมันให้สหรัฐและพันธมิตรอีกครั้ง จบปัญหาเงินเฟ้อพุ่งแรงได้
.
#ปัญหาน้ำมันแพงสร้างการเปลี่ยนแปลง
มนุษย์เราขึ้นชื่อว่าปรับตัวเก่ง ภายในวิกฤตมักสร้างโอกาสได้ตลอด โดยน้ำมันแพงทำให้เกิดการใช้พลังงานใหม่ในช่วงนี้ เช่น พลังงานนิวเคลียร์ ก๊าซธรรมชาติ
เกิดการขุดค้นหาแหล่งน้ำมัน ก๊าซในหลายพื้นที่ทั่วโลกเพื่อลดพึ่งพาอาหรับ
ทางด้านรถยนต์เกิดเทคโนโลยีเครื่องยนต์ประหยัดพลังงาน โดยรถยนต์ญี่ปุ่นได้โอกาสเปิดตัว เน้นเครื่องยนต์เล็กแตกต่างจากรถค่ายสหรัฐที่เน้นขับแรง
.
แสดงให้เห็นว่าในทุกปัญหามีคนได้ประโยชน์เสมอ !
.
#ผ่านมา50ปีเหมือนจะได้ดูหนังเรื่องเดิม
รัสเซียขู่หยุดส่งออกพลังงานให้ EU ซึ่งเยอรมนี ฝรั่งเศส พี่ใหญ่กลุ่มก็หวั่นๆ เพราะพึ่งพาก๊าซจากรัสเซียเยอะ ขณะที่สหรัฐ อังกฤษที่พึ่งพาน้อย ไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่ บอกอยากตัดก็เชิญ
.
สิ่งที่เกิดขึ้นแน่ คือ การเร่งพัฒนาพลังงาน Clean energy รถไฟฟ้า เพื่อลดภาระการพึ่งพาแหล่งพลังงานที่มีความไม่แน่นอนและราคาสูงขึ้น
.
สนใจเข้ากลุ่ม Exclusive รายละเอียด>> https://www.facebook.com/bottomlinerglobal/posts/5576184959063259