กองทุน K-CHINA ลงทุนหุ้นจีนในกลุ่ม New Economy ที่เติบโตและมีคุณภาพ
บทความนี้เป็นตัวอย่างบทความ Exclusive รายละเอียดเพิ่มเติม
>> https://www.facebook.com/bottomlinerglobal/posts/5735976949750725
.
หลายคนที่ลงทุนในกองทุนรวมคงจะมีกองทุนหุ้นจีนอยู่ในพอร์อย่างน้อยสัก 1 กอง และส่วนใหญ่ก็น่าจะติดดอยอยู่แน่ๆ ไม่มากก็น้อย สาเหตุหลักมาจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศจีนที่คอยกดดันตลาดหุ้นจีน จึงทำให้ตลาดหุ้นจีนดิ่งลงหนักอย่างต่อเนื่อง
.
วันนี้เราเลยจะมาอัพเดตกองทุนหุ้นจีนชื่อดัง คือ กองทุน K-CHINA จาก บลจ.กสิกรไทย
.
กองทุน K-CHINA ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน JPMorgan Funds – China Fund เน้นลงทุนในหุ้นจีน All China ที่เติบโต คุณภาพสูง และอยู่ในกลุ่ม New Economy เช่น กลุ่มเทคโนโลยี ธุรกิจสุขภาพ สินค้าอุปโภคบริโภค นอกจากนี้ กองทุนหลักบริหารพอร์ตการลงทุนแบบเชิงรุก เน้นการคัดเลือกหุ้นรายตัว (Bottom-up) และ High Conviction
.
อัพเดตพอร์ตการลงทุนล่าสุด (31 มี.ค. 2565)
– ขายหุ้น Alibaba ออกจากพอร์ต สาเหตุจากบริษัทสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และโอกาสกลับมาเติบโตโดดเด่นเหมือนในอดีตค่อนข้างน้อย (เคยเป็นหุ้นใน Top 10 Holding ของกองทุนหลัก)
– ซื้อหุ้น JD เข้าพอร์ต ซึ่งเป็นบริษัท E-Commerce ที่มีการเติบโตของอัตราการทำกำไรที่ชัดเจน
– ลดน้ำหนักหุ้นกลุ่ม Healthcare เช่น ลดน้ำหนักหุ้น WuXi Biologics (หุ้นใน Top 10 Holding) กับ หุ้น Shenzhen Mindray และขายหุ้น Asynchem ออกจากพอร์ต
– เพิ่มน้ำหนักธุรกิจอสังหาฯ เนื่องจากรัฐบาลผ่อนคลายความเข้มงวดในกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง และเห็นโอกาสการฟื้นตัวในอนาคต เช่น China Resources Mixc Lifestyle ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Property Management Services
.
มุมมองการลงทุนในอนาคต
ล่าสุดจีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เมืองปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ หลังคุมเข้มป้องกันโควิดกว่า 2 เดือน และอนุญาตให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางส่วนได้แล้ว ถือเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น พร้อมทั้งได้ออกมาตรการฟื้นฟูจากการปิดเมืองมานาน จึงมีโอกาสดึงดูดให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนหุ้นจีนได้อีกครั้ง
.
มาตรการช่วยเหลือที่หุ้นในกองทุน K-CHINA ได้ประโยชน์
– แจกเงินให้คนไปใช้ซื้อของออนไลน์ และใช้กับธุรกิจที่โดนสั่งปิดช่วงล็อคเมือง
– ลดดอกเบี้ยและผ่อนคลายให้เอกชนกู้ง่ายขึ้น
.
นอกจากนี้ รัฐบาลเริ่มส่งสัญญาณสนับสนุนกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายด้าน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตของ GDP ในปีนี้ รวมถึงยังส่งเสริมการค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น อุตสาหกรรม EV และชิพ เพื่อลดการพึ่งพานำเข้าจากต่างประเทศตามแผน Made in China 2025 ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในพอร์ตกองทุนนี้ และส่งผลให้ภาพรวมของตลาดหุ้นจีนเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น
.
ในระยะยาวตามมุมมองของ BottomLiner เชื่อว่ารัฐบาลจีนจะไม่กล้าปิดเมืองแรงๆ อีกแล้วเพราะต้นทุนแพงเกินกว่าประโยชน์ที่ได้กลับมา โดยเฉพาะรอบนี้มีความไม่พอใจของประชาชนในหลายเมือง ทำให้ตลาดหุ้นจีนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น เนื่องจากรัฐบาลกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจสวนทางกับต่างประเทศที่กำลังสู้ปัญหาเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ Valuation หุ้นจีนอยู่ในระดับต่ำ และตลาดได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากพอสมควรแล้ว
.
ส่วนปัจจัยที่ยังต้องติดตามต่อ คือ การควบคุมโควิดในประเทศ การปรับเปลี่ยนหรือออกกฎหมายจัดระเบียบควบคุมบริษัทต่างๆ และปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ยังไม่คลี่คลาย ทำให้ภาคเอกชนมีต้นทุนที่สูงขึ้น
.
สำหรับคนที่ลงทุนระยะยาวและรับความผันผวนในระยะสั้นได้ เรายังเชื่อว่าตลาดหุ้นจีนน่าสนใจในหลายๆแง่มุม จึงเหมาะจะมีติดพอร์ทไว้บ้าง
.
BottomLiner