รู้จัก กองทุน ABGDD ทางเลือกที่ใช่ สำหรับคนชอบกระแสเงินสด Aberdeen Standard Global Dynamic Dividend Fund (ABGDD)
ในการหาผลตอนแทนออกมาเป็นกระแสเงินสดเกิน 5% ต่อปี ในยุคนี้นั้น “ไม่ง่าย” เลยนะครับ สำหรับคนที่ไม่มีเวลา หากฝากเงินอย่างเดียว ก็ได้รับดอกเบี้ยต่ำเตี้ยเรี่ยดิน หากลงทุนตราสารหนี้ หุ้นกู้ รู้หรือไม่ มีเพียงตราสารหนี้ 0.3% ของทั่วโลกในเวลานี้ ที่ให้อัตราผลตอบเเทนเกิน 5% (ซึ่งก็จะเป็นความเสี่ยงสูงๆๆ มีโอกาสสูญเงินต้นมากกว่าทั่วไปครับ)
หากหลบมาลงหุ้นปันผล ก็เจอความเสี่ยงไม่จ่ายปันผล แต่รู้หรือไม่ !! ว่ามีเทคนิคการลงทุนเพื่อรับกระแสเงินสดออกมาได้ให้ได้เกิน 5% และยังมีโอกาสได้รับ Capital Gain ขายทำกำไรได้อีก 1 ต่อ แต่ก็ต้องอาศัยความสามารถและเทคนิคกันหน่อย
วันนี้จะพาไปรู้จักกองทุน Aberdeen Standard Global Dynamic Dividend Fund (ABGDD) ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว เป็นกอง feeder fund ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Aberdeen Standard SICAV I – Global Dynamic Dividend Fund กันครับ กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนใน หุ้น โดยจะกระจายการลงทุนไปทั่วโลก …
จะสังเกตได้ว่า บางคำที่ควรจะมีตรงนี้มันหายไป ไม่ตรงตามชื่อกองทุนนี่นา
คำนั้นคือ “ปันผล” นั่นเองครับ การลงทุนในหุ้นปันผลนั้น เป็นจุดอ่อนพอตัวสำหรับบางกองทุน ที่ได้รับปันผลสูงแต่ผลตอบแทนไม่ไปไหน และยังเอาแน่นอนกับการจ่ายปันผลไม่ได้
#จุดนี้เองที่ABGDDแตกต่างออกไป !!! คือกองทุนนี้เลือกที่จะลงทุนผสม Growth และ Value ไม่ได้เน้นหุ้นปันผล แต่ได้เพิ่มกลไก Dividend Capture Sleeve ไว้สะสมเงินสดเข้าพอร์ต !!! การผสมผสานที่ลงตัวนี้ดีอย่างไร แล้วมันเป็นอย่างไรกันแน่ ทำไมจึงน่าสนใจ
เรามาดูจุดเด่นกันครับ
0. กองทุน ABGDD มีตัวเลือก Class R Auto Redemption ไม่เสียภาษีปันผล ตรงนี้ขอไปอธิบายหลังสุดครับ
1. กลยุทธ์การลงทุนของกองทุนหลัก ไม่ใช่กองทุนรวมหุ้นปันผล แต่เป็นกองทุนรวมหุ้น + Dividend capture sleeve สร้างกระแสเงินสดได้สูงเหมือนกองทุนหุ้นปันผล แต่จ่ายต่อเนื่องสูงกว่า income ทั่วๆไป และยังลุ้น capital gain ต่อได้
กลยุทธ์การลงทุน จะแบ่งสัดส่วน 95% core port และ 5% dividend capture sleeve
โดย 95% core port เป็นการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีทั้ง Growth 60% และ Value 40% เพื่อรับผลตอบแทนจากการที่ราคาหุ้นปรับขึ้นและการจ่ายปันผล
อีก 5% จะเป็น dividend capture play คือเข้าซื้อหุ้นก่อนจ่ายปันผลเพื่อรอรับปันผลและขายออก (ปันผลทั้งธรรมดาและพิเศษ) เป็นการปรับพอร์ตระยะสั้นเพื่อเพิ่มโอกาสรับกระแสเงินสดนั่นเอง
ส่วนในการเลือกหุ้น กองทุนหลักของ ABGDD อาศัยทีมผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์กว่า 140 คนทั่วโลก ที่มีประสบการณ์ช่วยกันดูแล เริ่มต้นจากกระบวนการคัดหุ้นจากทั้งหมด 13,000 ตัว และคัดให้เหลือหุ้นพื้นฐานดีให้เหลือ 4,000 ตัว โดยทีม investment ที่กระจายอยู่ทั่วโลก ผ่านกระบวนการประเมินเชิงปริมาณและความเสี่ยง
ก่อนจะ Bottom Up เพื่อเลือกเฉพาะหุ้นที่ดีและเข้ากับกลยุทธ์กองทุนมากที่สุด มาเข้าพอร์ต 80-100 ตัว
โดยวิธีการแบบนี้ เป็นเรื่องยากมากของนักลงทุนรายย่อยทั่วไปที่จะทำเอง ดังนั้นกองทุนจะช่วยประหยัดเวลาไปเยอะ (ไหนจะต้องติดตามอีก)
2. จ่ายกระแสเงินสดออกมาได้สูง
โดยรวมกลยุทธ์นี้ก็จะได้รับปันผล 30-45% จาก core port และ ที่เหลือ 55-70% ได้จากการหมุนเวียนไปรับปันผล ทำให้มีกระแสเงินสดเพียงพอจ่ายออกมาสังเกตได้จากหน้าพอร์ตของกองทุนหลัก มองไปก็รู้แล้วปันผลไม่ถึง 5% หรอกครับ เพราะมีหุ้น growth อยู่พอตัวเลย แต่ได้ dividend capture sleeve เพื่อหมุนรับปันผล
กองทุนหลักนั้น จ่ายกระแสเงินสดออกมาเฉลี่ยอยู่ที่ 5% ต่อปี
3. กองทุนหลักทำผลตอบเเทนเฉลี่ยชนะเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark)
ตั้งแต่กองทุนหลักจัดตั้งเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2020 นั้น ให้ผลตอบแทนเป็นบวกมาตลอด โดยตั้งแต่ 14 ตุลาคม 2020 ถึง 31 กรกฎาคม 2021ให้ผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียม ถึง 25.5%
แต่มาลองดูยาวขึ้นกันครับ
ด้วยความที่กองทุนหลัก (หรือที่ชาวเม่าเราเรียกกองแม่)จดที่ Luxemburg แต่จริงๆก็มี แม่กว่านั้นอยู่ที่สหรัฐ คือ กองทุน US domiciled Aberdeen Dynamic Dividend Fund ซึ่งบริหารจัดการโดย อเบอร์ดีน เหมือนกัน และกลยุทธ์แบบเดียวกัน เพราะทาง อเบอร์ดีน บริหารงานโดยมอง ทุกกองแบบเดียวกันมารวมกัน เป็น Composite Aberdeen Dynamic Dividend เราจึงใช้กองต้นแบบนี้ เป็น proxy ของผลตอบแทนในอดีตของกอง ABGDD ได้เลย
ผลตอบแทนตั้งแต่ปี 2013 (ข้อมูลผลตอบแทน ณ วันที่ 31 ก.ค. 2021) 137% ในขณะที่เกณฑ์มาตรฐาน (ดัชนีตัวแทนหุ้นปันผลสูง MSCI AC World High Dividend World TR Net (High Dividend Index) +91%
ผลตอบแทนเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา (ข้อมูลผลตอบแทน ณ วันที่ 31 ก.ค. 2021) ทำได้ 14.0 % (ก่อนหักค่าธรรมเนียม) สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ทำได้ 9.1%
4. ออกแบบมาเพื่อความเสถียรระยะยาว สมดุลในตัว
กองทุนหลักถือหุ้น value 60% growth 40% ทำให้สมดุลในตัว
ยิ่งนักลงทุนลงรับกระแสเงินสดแบบนี้ ย่อมหวังลงทุนระยะยาว การวางพอร์ตให้สมดุลนั้นสำคัญมาก
เมื่อดูการถือครองหุ้นในพอร์ตของกองทุนหลักพบว่า
ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2021 มีการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น Apple Microsoft Alphabet Samsung Abbvie เป็นต้น
หุ้น Top 5 ของกองทุนหลัก ล้วนเป็นบริษัทใหญ่ที่เเข็งแกร่ง ให้ปันผลต่อเนื่อง ลดโอกาสเรื่องหุ้นที่กองทุนถืออยู่เป็นบริษัทใกล้เจ๊งไปได้เลย
เราอาจเคยได้ยินว่า ตลาดหุ้นนั้นคอย rotate ไปมาระหว่าง value และ growth การลงทุนทั้งคู่ ทำให้เราไม่ต้องกังวลมากนัก ว่าตลาดจะไปทางไหน หากไป value แล้ว growth ผลตอบแทนจะจืดจางไปเลยรึเปล่า แม้ BottomLiner เรายังยืนเหมือนเดิมตั้งแต่ต้นปี 2021 ว่ามันจะไปด้วยกันไปอีกระยะ (มีสลับพักบ้างตามข่าวร้าย)
เพราะ digital adoption เกิดแล้ว และเมืองก็ทยอยฟื้น (ก็สังเกตได้จาก NASDAQ และ S&P)
และหุ้น growth ในอนาคตก็จะหันมาจ่ายปันผลอย่างงาม หากคุณถือมันได้ยาวพอ ยังไม่รวม capital gain จากการลงทุน
#เปรียบเทียบกับคู่แข่งกันหน่อย
1. ABGDD เป็นกองหุ้นปกติ
โดยปกติแล้ว กองทุนที่เน้นสร้างกระแสเงินสดแบบนี้ ถ้าไม่ใช้กองหุ้นปันผล ก็จะใช้ตราสารอนุพันธ์ ต่างๆเข้ามาช่วยให้ได้ yield สูงกว่าปกติ เช่นใช้ Covered Call จะเป็นการปิดกั้นกำไรจาก capital gain แต่กองทุนนี้ไม่มีครับ เป็นการซื้อปกติ จึงไม่มีเรื่องเหล่านี้มาขวางกั้นกำไรในอนาคต !!
2. ในแง่ Allocation ABGDD ยังเกาะกระแสในหุ้นจีน หุ้น US ไม่เหมือนคู่แข่งที่ถอยห่าง
หากดูคู่แข่งกองอื่นในไทยที่กลยุทธ์จัดว่าคล้ายกัน จะพบว่าค่อนข้าง underweight หุ้น US และ หุ้น จีน
เรามอง 2 ตลาดนี้ ถือยาวได้ไม่เคยกลัว เพียงแต่ตลาดจีนต้องนานหน่อย
สำหรับใครที่สนใจลงทุน Aberdeen Standard Global Dynamic Dividend (ABGDD) โดย มีเลือกถึง 3 คลาส (Class) เพื่อตอบทุกโจทย์ทุกเป้าหมายของการลงทุน
1) Class R – Auto Redemption
เหมาะสำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่ต้องการรับผลตอบแทนจาก การขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเสียภาษีทำให้ได้รับผลตอบแทนแบบเต็มๆ เรื่องนี้สำคัญมากหากต้องการกระแสเงินสด เพราะวิธีนี้จะทำให้ไม่ต้องเสียภาษีปันผลฟรีๆ 10% สมมติปันผลมา 1 ล้านบาท คุณก็จะโดนหักไป 1 แสนบาท กันเลยทีเดียว แต่ถ้าหากไปซื้อกองทุนอื่นที่เป็น class D จ่ายปันผล ก็จะต้องเสียภาษีปันผล 1 แสนบาทตรงนี้ไป
2) Class A – Accumulation
เหมาะสำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่ต้องการได้รับผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุนในระยะยาว (Total Return)
3) Class SSF
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี พร้อมลงทุนระยะยาวสะสมไปเรื่อยๆ ในหุ้นเติบโตทั่วโลก โดยคาดหวังที่จะได้รับผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุนในระยะยาว (Total Return)
โดยรวมแล้ว ก็ดูเป็นกองทุนที่ซื้อแล้วก็นอนรอรับเงินอย่างสบายใจได้ แต่ความเสี่ยงด้านตลาดก็ยังมีอยู่ทั่วไปนะครับ เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระแสเงินสดออกไปอย่างเป็นประจำ แม้ในยามตลาดตก และไม่พลาดกำไรในตลาดขาขึ้นด้วยเช่นกัน
หากท่านใดสนใจ กองทุนกำลังจะ IPO ระหว่างวันที่ 13 ถึง 23 กันยายน 2564 นี้ ก็สามารถติดต่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ได้เลยนะครับ https://bit.ly/aberdeenBottomliner
หรือติดต่อ แผนกลูกค้าสัมพันธ์ : +66-2352-3388 Email: [email protected]
คำเตือน
1. ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
2. ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
3. การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก
4. กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน
5. ผู้ลงทุุนควรศึกษาข้อมููลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุุไว้ในคู่มือการลงทุุนในกองทุุนรวม
BottomLiner