LH-Semiconductor เกาะกระแสกองทุน Semiconductor
จากกระแสชิปขาดตลาด ณ ปัจจุบันทำให้ความสนใจในการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Semiconductor เป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกองทุน IPO น้องใหม่อีกกองจากค่าย LH กันซึ่งกำลังจะ IPO ในวันที่ 22-28 มิถุนายนนี้ ซึ่งก็คือกอง LH SEMICONDUCTOR
.
อย่างที่ทราบกันว่าปัจจุบันนั้นเรากำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิตอลอย่างเต็มตัว ตัวอย่างเช่น การเร่งตัวของเทคโนโลยี IoTs นั้นจะทำให้ตลาดโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดเฉลี่ย 39.7% CAGR ในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือกระแสรถยนต์ไฟฟ้าและระบบไร้คนขับจะเป็นตัวเร่งความต้องการของชิปซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในอุปกรณ์ไฮเทคเพิ่มขึ้น
.
กอง LH SEMICONDUCTOR (LHSEMICON) เป็น Feeder Fund โดยมี Master Fund หรือกองแม่คือ iShares Semiconductor ETF ที่หลายคนจะรู้จักกันในชื่อ SOXX เป็น ETF ที่ลงทุนโดยอ้างอิงตามดัชนี ICE Semiconductor Index ซึ่งเลียนแบบหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม Semiconductor ที่จดทะเบียนอยู่ในสหรัฐเป็นหลัก
.
กอง LHSEMICON นั้นถือว่าเป็นกองที่ลงทุนได้ครบวงจรของกลุ่ม Semiconductor เลยไม่ว่าเป็นบริษัทผู้ออกแบบ, ผู้ผลิต ไปจนถึงผู้จัดจำหน่าย เรียกได้ว่ามีหุ้นครบจบตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำในกองเดียวเลย
.
เรามาดูตัวอย่าง Top Holdings ของกองกันว่ามีอะไรบ้าง (ข้อมูล ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2564)
.
1.NVIDIA (10.07%)
ผู้ผลิตการ์ดจอค่ายสีเขียวที่เรารู้จักกันดีโดยเฉพาะสาย Gamer ซึ่งมีบริษัทลูกค้าชั้นนำอย่าง Acer, Dell, Asus, Nio และ Nintendo มีรายได้หลักๆ มาจากจีนราว 60% และมีชิบรุ่นดังที่นิยมใช้ในการขุด Crypto อย่าง GEFORCE RTX 3060 คาดการณ์รายได้จะโต 50.8% CAGR และ EPS โต 40.5% ในอีก 3 ปีข้างหน้า
.
2.Texas Instruments (8.45%)
บริษัทออกแบบและผลิตชิป และเป็นผู้นำการผลิตชิปที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องบิน, เครื่องจักรอุตสาหกรรมและอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่เราอาจจะรู้จักในนามแบรนด์เครื่องคิดเลขที่เด็กจบการเงินและคนสอบ CFA นิยมใช้กัน โดยรายได้ไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 4,290 ล้านดอลลาร์โต +28% YoY และคาดว่า EPS จะโตเฉลี่ยที่ 11.42% ในอีก 3 ปีข้างหน้า
.
3.Broadcom (7.69%)
บริษัทสัญชาติสหรัฐ ออกแบบ เน้นผลิตชิปที่ใช้ในมือถือ โดยมีลูกค้าอย่าง Apple, Samsung, Nintendo, Dell และ Lenovo บริษัทส่วนมากใช้ชิป Broadcom เชื่อมต่อ WiFi โดยแบ่งส่วนธุรกิจออกเป็นสองส่วนหลักคือ Hardware (Broadband, Server Storage) และ Software (Cyber Security, Mainframe) บริษัทประกาศรายได้ไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 6,610 ล้านดอลลาร์โต +15% YoY EPS อยู่ที่ $6.62 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด($6.43)
.
4.Qualcomm (7.68%)
ผู้นำการผลิตชิปประมวลผลอุปกรณ์สื่อสาร 3G 4G 5G ที่รองรับการใช้ทั้งในโทรศัพย์มือถือและอุปกรณ์ IoT ต่างๆ มีลูกค้าเป็นบริษัทชั้นนำอย่าง Apple, Samsung และ Xiaomi ซึ่ง EPS ไตรมาสล่าสุดโตกว่า 273% YoY และคาดว่าจะโตเฉลี่ยกว่า 32.14% ในอีก 3 ปีข้างหน้า
5.Intel (7.3%)
บริษัทชิปแบบครบวงจร ตั้งแต่วิจัยออกแบบ ผลิต ประกอบ และมีสินค้าเป็นของตัวอย่าง ซึ่งเรารู้จักกันค่อนข้างดีในนามผู้นำด้านชิปคอมพิวเตอร์หรือ CPU ที่กินส่วนแบ่งตลาดกว่า 70-80% ซึ่งล่าสุด CEO คนใหม่ประกาศเตรียมลงทุน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ สร้างโรงงานผลิตชิพรุ่นใหม่ อีกทั้งยังจะผันตัวมาเป็น Foundry(รับจ้างผลิตชิพ) ซึ่งอาจจะต้องรอดูผลว่าจะออกมายังไง แต่หากพิจารณางบในไตรมาสล่าสุดนั้นเรียกได้ว่าแทบไม่โตเลย และมีแนวโน้มเริ่มเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่งมากขึ้นเรื่อยในช่วงที่ผ่านมา
.
เนื่องจากความต้องการการใช้ชิปที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในหลายอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นรถยนต์, AI และในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และผู้ผลิตที่มีอยู่อย่างจำกัดในอุตสาหกรรม นั้นทำให้กำลังการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการในปัจจุบัน
.
ลองนึกภาพว่าอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันอย่างตู้เย็น พัดลม หรือแม้กระทั้งหลอดไฟ ยังต้องใช้ชิปในการประมวลผลในโลกอนาคต ความต้องการในการผลิตจะมากขึ้นขนาดไหน เพราะฉะนั้นเทรนนี้ยังคงอีกยาว
.
และกอง LHSEMICON ก็ถือเป็นกองหนึ่งที่ตอบโจทย์จากการคัดเลือกผู้นำของบริษัทในอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำมารวมให้เราเลือกลงทุนในกองเดียว
.
BottomLiner