อัพเดตกองทุนหุ้นจีน TMBCOF หลังทรัมป์จากไปแล้ว
จุดเด่นของ TMBCOF
⚫️เน้นลงทุนในหุ้นที่เป็นผู้ชนะและยังเหลือขนาดตลาดอีกมหาศาลให้ขยายต่อ
⚫️ลงทุนในหุ้นที่มีรายได้เติบโตสูงจากในประเทศจีน แต่ไม่ได้ถูกจำกัดว่าจะต้องเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น ช่วยให้สามารถลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงที่มักเลือกเข้าตลาดหลักของโลก ตัวอย่างเช่น Alibaba เลือกจดทะเบียนในสหรัฐและฮ่องกง (ถ้าเลือกกองทุนหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่จะอด)
หุ้นจีนทำจุดสูงสุดใหม่ หลังการจากไปของ Donald Trump
เหยื่อตลอด 4 ปีที่ครองตำแหน่งคือบริษัทจีนจำนวนมากที่ถูกไล่เตะตัดขาทุกรูปแบบ ซึ่งตั้งแต่ผลประกาศว่า Trump แพ้เลือกตั้ง ดัชนีหุ้นจีนและฮ่องกงวิ่งกันบ้าคลั่งปล่อยพลังที่สะสมมานาน
แม้การขึ้นมาของ Biden ก็มีโอกาสสูงที่จะเลือกใช้นโยบายไม่เป็นมิตรกับจีนแต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนที่เปลี่ยนคำสั่งไปมาแค่เพียงข้ามคืน
ขณะที่ความกังวลเรื่องหุ้นจีนอาจถูกตัดไม่ให้เข้าตลาดหุ้นสหรัฐอีกแล้ว รัฐบาลจีนก็แก้เกมส์ด้วยการดันฮ่องกงขึ้นมารองรับแทน
ในช่วงทศวรรษนี้การเลือกเกาะกระแสการเติบโตของมหาอำนาจใหม่อย่างจีนเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การพิจารณามากๆ วันนี้เราเลยอยากอัพเดตกองทุนหุ้นจีนยอดฮิต TMBCOF
หุ้นที่ลงทุนมากสุด 5 อันดับเเรก (% ที่กองทุนถือเป็นค่าประมาณวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ที่มา https://www.ubs.com/…/product-detail.sg.en.lu0880133367…)
- TAL Education Group 9%
ชื่อเต็มคือ Tomorrow Advancing Life บริษัทติวเตอร์ยักษ์ใหญ่ของจีน ที่มีการติวหนังสือแบบสอนในห้องเรียนและติวผ่านทางออนไลน์ โดยมี AI มาวิเคราะห์พฤติกรรมเด็กเพื่อแนะนำหลักสูตรที่เหมาะสมที่สุด
รายได้ตั้งแต่ปี 2011 มีการเติบโตสูงเฉลี่ยปีละ 46% ซึ่งไตรมาส 3 ปีที่แล้วก็ยังสร้างรายได้เติบโตถึง 35%
ไฮไลท์การเติบโตระยะยาวของหุ้นการศึกษาจีนคือเมื่อปี 2013 รัฐบาลจีนได้ยกเลิกนโยบายลูกคนเดียว ปลดล็อคจำนวนเด็กที่ต้องเข้าโรงเรียนในอนาคตให้เพิ่มขึ้น - Tencent ถือ 9%
บริษัทเจ้าของ Social Platform อันดับ 1 ของจีน “WeChat” ที่มีผู้ใช้งานถึง 1,100 ล้านคน ถ้าจะให้เปรียบเทียบ ก็คงเหมือนกับ Line ที่รวมร่างกับ Facebook+Instagram+Shopee+Grab+Agoda เรียกว่าแอพเดียวครบหมดทุก Social ทำให้คนจีนใช้เวลาในโลกออนไลน์ผ่าน WeChat เป็นส่วนใหญ่
รายได้ไตรมาส 3 ปีที่แล้วเติบโต 29% YoY โดยหลักๆมาจากธุรกิจเกมส์ ที่ Data ของเราบอกว่าช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมมียอดการเข้าเล่นเพิ่มขึ้นสูงมาก จึงหนุนให้รายได้โตแรง และล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในจีนก็เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง จึงมีแนวโน้มว่าธุรกิจนี้จะโตได้ดีในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้
ในช่วงเดียวกัน ลูกๆในเครืออย่าง Meituan, Pinduoduo ก็สามารถขยายตลาดได้เยอะและกลายมาเป็นระดับ Big Tech ของจีนแล้ว นั่นก็ยิ่งเสริมมูลค่าและ ecosystem ของ Tencent ให้แข็งแกร่งขึ้นอีก - Alibaba Group ถือ 8%
หลังเมาหมัดหุ้นถล่มเละเทะ -30% ใน 2 เดือน ล่าสุด Jack Ma ก็โชว์ตัวว่ายังอยู่ดีนะ (แม้ชาวเน็ตจะบอกว่าท่าทางยังกับพึ่งออกจากค่ายทหาร) แต่นั้นก็เพียงพอแล้วให้นักลงทุนสบายใจไปเปราะหนึ่ง
ที่จริงแล้วยอดขายของบริษัทก็ยังแข็งแกร่งมาก สมชื่อเบอร์หนึ่งในจีน ไตรมาส 3 มีรายได้รวม 155,059 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 30% YoY แต่ยอดผู้ใช้งานใหม่เริ่มหนืด เพิ่มขึ้นเพียง 15 ล้านคนจากปีที่แล้ว
เทศกาล 11.11 ปี 2020 เปลี่ยนแนว จากที่วันช้อปปิ้งมีเพียงแค่ 11 พฤศจิกายน แต่ปีนี้ Alibaba จัดงานยิงยาวรวดตั้งแต่วันที่ 1-11
ในส่วนของธุรกิจ Cloud Computing รายได้โตดีมาก +60% YoY ตามเทรนด์ของอุตสาหกรรม Cloud ทั่วโลกในยุคโควิด และการเติบโตแรงช่วยหนุนให้มันใกล้ทำกำไรแล้ว โดยผู้บริหารคาดว่าน่าจะเป็นช่วงปลายปี 2020
แผนดัน e-commerce ต่อจากนี้ บริษัทจะเน้นยอดขายแบบ 1st-party (Alibaba ขายเอง) ที่มี Margin สูงกว่า ซึ่งจะกระทบกับ 3rd-party พ่อค้าแม่ค้าที่มาขายสินค้าบน Alibaba ถือเป็นการเดินเกมส์แบบ Amazon ที่ใช้การผูกขาดของตัวเองหาผลประโยชน์ให้มากที่สุด
ทางด้านแผน IPO บริษัท Ant Group ยังเลื่อนไม่มีกำหนด และมีแนวโน้มว่ารูปแบบการบันทึกตั้งสำรองจะต้องเปลี่ยนให้ตรงกับกฎหมายจีน (Ant จะปล่อยกู้ได้น้อยลง) ซึ่งกระทบมูลค่าบริษัทเต็มๆ และความฝันจะเป็น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอาจไม่สำเร็จแล้ว - Ping An Insurance ถือ 7%
บริษัทประกันรายใหญ่ที่สุดของจีน มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการดำเนินธุรกิจ ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ถ้าพิจารณาเพียงธุรกิจประกันภัยของ Ping An บริษัทได้ประโยชน์จากการ Lockdown เนื่องจากเมื่อไม่มีคนออกมานอกบ้าน อุบัติเหตุจึงไม่เกิด ไม่มีคนเคลมประกัน ทำให้ Ping An ได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วย
นอกจากนี้ยังลงทุนธุรกิจอีกมาก เช่น Lufax ให้บริการบริหารทรัพย์สินมีฐานลูกค้ากว่า 20 ล้านคน และเป็นเจ้าของ Ping An Good Doctor ที่เป็น Telemedicine Platform หรือบริการพบแพทย์ออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานถึง 346 ล้านคน เฉลี่ย monthly active user ที่ 67 ล้านคน ! - Kweichow Moutai ถือ 5%
ชื่อที่คนไทยคุ้นเคย คือ เหมาไถ บริษัทจำหน่ายสุราเกรดพรีเมี่ยมที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในประเทศ ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มประจำชาติ และด้วยเหตุผลนี้กับความนิยมดื่มที่เพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางในจีนจากการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เหมาไถได้รับความนิยมอย่างมาก
แม้มีวิกฤตโควิดแต่ราคาหุ้น Moutai ก็ยังพุ่งถึง 110% ภายในปีเดียว !!
ต่อจากนี้เพจเราจะเพิ่มบทความกองทุนหุ้นต่างประเทศตัวที่น่าสนใจคอยอัพเดตให้อ่านกันเรื่อยๆ ฝากติดตามกันด้วยนะครับ
อนาคตของนักลงทุนไทยคำตอบที่เหมาะสมที่สุดอาจเป็น “หุ้นต่างประเทศ” เท่านั้น
เราไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆจากการเขียนบทความนี้
BottomLiner