UCI ลงทุนกับนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ที่รัฐบาลจีนผลักดัน ลงทุนในจีนต้องเลือกธุรกิจที่รัฐบาลชอบ !!
A must ของการลงทุนในจีน คือ .. ต้องเลือกธุรกิจที่รัฐบาลชอบ!!
รู้จักกองทุน UCI ที่เน้นลงทุนในหุ้นจีน ที่สอดคล้องกับความชอบของรัฐบาลจีนในตอนนี้
รัฐบาลชอบอะไรในเวลานี้ ดูโพยได้จากแผนการ Made in China 2025 และนโยบาย Common Prosperity
ภายในปี 2025 ภาคการผลิต 10 อุตสาหกรรมหลักของจีน เช่น อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ วัสดุไฮเทค หุ่นยนต์ AI อากาศยาน รถไฟ รถอัจฉริยะรักษ์โลก หรือแม้แต่ยาและอุปกรณ์การแพทย์ จะต้องใช้วัสดุที่ผลิตในประเทศอย่างน้อย 70% !! (บางอย่างก็กำหนดใน 2030)
แผนการนี้ฝรั่งเรียกง่ายๆว่า China Supply Chain Localization
ส่วนนโยบาย Common Prosperity ของจีนเพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน นโยบายนี้จะกดดันหุ้น Big Tech เดิมๆ ให้คืนกำไรสู่สังคม เราจะสังเกตได้ว่าตั้งแต่นโยบายนี้ออกมา บางบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยีอย่างเดียว อยู่ๆก็มีงบสร้างถนนก้อนใหญ่ออกมา เรียกง่ายๆว่าบริษัทมากมายหันมาทำ CSR หันมาทำเพื่อสังคมมากขึ้น หรือบริษัท Tutor ก็ถูกกดดันว่าให้ทำเพื่อสังคม ให้เป็น Non-profit company กดดันตลาดหุ้นจีนอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา
แต่ตลาดหุ้นจีนก็เริ่มฟื้นตัว หลังมีการเมืองในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และทางรัฐบาลได้จัดแพคเกจชุดใหญ่เพื่อดันให้เศรษฐกิจฟื้น โดยสรุป 3 ข้อที่น่าสนใจได้ดังนี้
1. ช่วยเหลือ SME ซึ่งเป็นแหล่งจ้างงานขนาดใหญ่ มีทั้งการลดภาษี ลดค่าเช่าค่าไฟ ช่วยจ่ายเงินเดือนพนักงาน เรียกได้ว่าอุ้มเต็มที่
2. แก้ปัญหาคนตกงานด้วยการแจกเงิน 1,500 หยวนต่อ 1 เด็กจบใหม่ที่บริษัทจ้างเข้าทำงาน
3. แจกเงินประมาณ 10,000 หยวน สำหรับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
ถึงตรงนี้ หากใคร หาไอเดียว่าลงทุนอะไรในตลาดหุ้นจีนดี
วันนี้จะขอแนะนำ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไชน่า เอ แชร์ อินโนเวชั่น ฟันด์ (UCI)
กองทุน UCI เป็นกองทุนรวมตราสารทุน Feeder Fund ความเสี่ยงระดับ 6 โดยลงทุนในกองทุนหลัก United China A-Shares Innovation Fund Class T USD Acc ซึ่งบริหารจัดการโดย UOB Asset management Ltd (Singapore) เพียงกองทุนเดียว
กองทุนหลัก เน้นลงทุนในหุ้นจีน A Shares ทั้งตลาดเซี่ยงไฮ้ (SSE) ตลาดเสิ่นเจิ้น (SZSE) และยังลงทุนใน ChiNext ที่เน้นเกี่ยวกับนวัตกรรม และ Science and Technology Innovation board ซึ่งเน้นบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมขนาดกลางและเล็ก ได้ด้วย .. จากชื่อจะคิดว่าเป็นเฉพาะหุ้นนวัตกรรม Tech Stock อะไรแบบนี้ แต่จริงๆนโยบายลงทุนเปิดกว้างไปถึงผลกระทบจากนวัตกรรมใหม่ๆด้วย
กองทุนหลัก มีการบริหารจัดการร่วมกันกับ Ping An Management (Ping An FMC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Ping An Insurance Group กลุ่มธุรกิจการเงินที่ใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งมีความได้เปรียบในการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกในประเทศจีน รวมถึงผู้จัดการกองทุนที่คลุกคลีกับตลาดหุ้นจีน ติดตามสถานการณ์ได้อย่างใกล้ชิด จึงได้เปรียบกว่ากองทุนหุ้นจีนกองอื่น
กองทุนนี้มีการปกป้องความเสี่ยงจากอัตราการแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กลยุทธ์การลงทุนของการลงทุนหลัก จะเน้นลงทุนในหุ้นเหล่านี้
– หุ้นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งมักจะเติบโตเร็วและอาจผันผวนสูง
– หุ้นอุตสาหกรรมเดิม แต่มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาสร้างธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งจุดเด่นคือมักเป็นบริษัทที่มีรายได้ กำไรค่อนข้างแน่นอน และมีโอกาสเติบโตเพิ่มเติม
– หุ้นภาคการบริโภค เกาะเทรนด์คนจีนรวยขึ้น กินและใช้ของแพงขึ้น ตัวนี้เสริมเข้ามา ช่วย diversified ได้ระดับหนึ่งเลยครับ
สัดส่วนโดยประมาณของหุ้นที่กองทุนหลักลงทุน (ข้อมูลวันที่ 31 พฤษภาคม 2022)
1. KWEICHOW MOUTAI : 7.81%
บริษัทผลิตสุราเกรด Premium ด้วยกรรมวิธีที่บ่มที่พิถีพิถันและเป็นเอกลักษณ์ของจีน ทำให้คู่แข่งไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ และด้วยกรรมวิธีการผลิต ทำให้ supply ไม่พอต่อความต้องการ ถ้าอยากได้ต้องสั่งจองล่วงหน้า ทำให้สินค้ามี Value added ในตัว
2. CATL : 5.59%
CATL หรือ Contemporary Amperex Technology Limited เป็นเจ้าตลาด Battery ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า ปัจจุบันมีสัดส่วนตลาดในจีนกว่า 49% และครองตลาดทั่วโลกกว่า 31%
ล่าสุดเปิดตัว Battery ชาร์จเต็มวิ่งไกล 1,000 กิโลเมตร ปลดล็อคข้อจำกัดรถยนต์ไฟฟ้า
3. LONGI GREEN ENERGY TECHNOLOGY : 5.16%
เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มพลังงานสะอาด ผู้ผลิตแผงโซลาร์รายใหญ่ของจีนและของโลก ด้วยเงินสนับสนุนมหาศาลจากรัฐจึงคาดว่า LONGI เป็นบริษัทที่ผลิตโซลาร์มากที่สุดในโลก
4. POLY DEVELOPMENTS AND HOLDINGS : 5.04%
ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีน ที่มี cash flow ที่ดีและมี leverage ที่ต่ำมาก เป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้บริษัทรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ China Poly Group
5. BANK OF NINGBO : 4.12%
การคัดเลือกหุ้นในกลุ่ม Banking เข้ามาในพอร์ต ทางผจก.กองทุนได้เลือกหุ้นที่มีโอกาสในการเติบโตและมี valuation ที่ดี ซึ่งธนาคารท้องถิ่นเมืองหนิงปัว มณฑลเจ้อเจียง เน้นทำธุรกิจในเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าให้มีอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เมื่อลองแบ่งสัดส่วนโดยประมาณตามอุตสาหกรรมหลักที่ลงทุน พบว่า
22.5% ลงทุนใน Consumer Staples
19.8% ลงทุนใน Information Technology
12.6% ลงทุนใน Industrials
8.1% ลงทุนใน Materials
7.3% ลงทุนใน Financials
จะเห็นว่ากองทุนหลักที่กองทุน UCI ไปลงทุน โฟกัสเทคโนโลยียุคใหม่ของจีน ที่ไม่ใช่เทคโนโลยีแบบเดิมๆ อย่าง e-commerce Fintech Games ซึ่งถูกทางรัฐบาลกดดันในช่วงที่ผ่านมา ที่กองทุนหุ้นจีนอื่นๆไปลงทุนกัน
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ Valuation ของตลาดยังจัดว่าถูก ในสายตานักลงทุนทั่วโลก
ยกตัวอย่างดัชนี MSCI China ซึ่งรวมหุ้น A-share และ H-share ขนาดใหญ่เข้าด้วยกัน ช่วงปลายปี 2020 มี P/E 12 เดือนข้างหน้าสูงถึง 17 เท่า แต่ล่าสุดเดือนพฤษภาคมปี 2022 P/E ต่ำเพียง 14 เท่า หากย้อนไปดูช่วงวิกฤตปี 2008 จะอยู่ประมาณ 9-10 เท่า จนในตอนนี้หลายสำนักมองว่า มูลค่าพื้นฐานของหุ้นจีนถูกเกินไป จึงเริ่มปรับคำแนะนำสำหรับตลาดจีนเป็น Overweight จากเดิมที่ Underweight หรือ Neutral
ความเสี่ยงที่ต้องจับตาในการลงทุนจีนนอกจากเรื่องการเมืองแล้ว ก็คือ การฟื้นตัวหลังเปิดเมืองจะไปได้ดีหรือไม่ เงินเฟ้อจะควบคุมอยู่หรือไม่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ตัวแทนจำหน่าย บลจ. ยูโอบี หรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) โทร 02 786 2222 www.uobam.co.th
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.uobam.co.th/th/mutual-fund/00704/UCI
BottomLiner
คำเตือน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะกองทุน นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและผลการดำเนินงานของกองทุนก่อนการตัดสินใจลงทุน กองทุนมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนในต่างประเทศ ถึงแม้ว่ากองทุนอาจป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม แต่เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้