GULF 4Q23: สรุป MD&A
![GULF 4Q23: สรุป MD&A](https://bottomliner.co/wp-content/uploads/2024/05/MDA-Cover-4.png)
GULF MD&A 2023: Summary
ไฮไลท์งบ
กำไรจากการดำเนินงาน (Core profit): กำไรจากการดำเนินงานสำหรับปี 2566 อยู่ที่ 15,644 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 29.3% YoY โดยได้รับแรงหนุนหลักจากการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 1-2 และผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นของโรงไฟฟ้า SPP ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ อันเป็นผลมาจากต้นทุนก๊าซที่ลดลง ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้นจากบริษัทร่วมและบริษัทร่วมทุน
การเติบโตของรายได้ตามผลิตภัณฑ์หรือประเภทเชื้อเพลิง:
– ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ: รายได้เพิ่มขึ้น 28.5% YoY เป็น 103,727 ล้านบาท ในปี 2566 ซึ่งสะท้อนถึงปริมาณการขายที่สูงขึ้นจากโครงการ GSRC และ GPD และราคาขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น
– ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน: รายได้ลดลง 71.7% YoY สู่ระดับ 2,399 ล้านบาทในปี 2566 โดยสาเหตุหลักมาจากการขายฟาร์มกังหันลม BKR2 ซึ่งถูกชดเชยบางส่วนด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากฟาร์มกังหันลม Mekong ในเวียดนามและโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาในประเทศไทย
– ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค: รายได้เกือบจะคงที่ที่ 4,195 ล้านบาทในปี 2566 สอดคล้องกับความคืบหน้าของโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรม MTP3
– ธุรกิจดาวเทียม: รายได้จากส่วนนี้แตะระดับ 2,627 ล้านบาทในปี 2566 จากการรวมรายได้ของกลุ่มบริษัท THCOM
– รายได้ค่าบริหารจัดการ: เพิ่มขึ้น 57.6% YoY สู่ 1,107 ล้านบาทในปี 2566 เนื่องจากบริการด้านการจัดการเพิ่มเติมที่ให้ไว้
ลูกค้าอุตสาหกรรม: ผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ได้รับผลกระทบจากการปรับราคาขายไฟฟ้าเพื่อตอบสนองต่อต้นทุนค่า Ft ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 0.3986 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง ในปี 2565 เป็น 0.8886 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง ในปี 2566 การปรับราคานี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ของบริษัทในการจัดราคาให้สอดคล้องกับต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ค่า Ft หรือต้นทุนพลังงาน: การวิเคราะห์ระบุว่าต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลง ส่งผลให้โรงไฟฟ้า SPP ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นและมีอัตรากำไรที่สูงขึ้น โดยต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยสำหรับก๊าซธรรมชาติสำหรับ SPP ภายใต้ GMP ลดลง 22.1% YoY สู่ระดับ 385.37 บาท/ล้านบีทียู
ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม: ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและบริษัทร่วมทุนเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 52.7% YoY สู่ระดับ 10,175 ล้านบาทในปี 2566 ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำเร็จของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการลงทุน
[แผนการขยายกิจการและพัฒนาการล่าสุด]
Gulf Energy ได้วางแผนการขยายกิจการที่ทะเยอทะยาน โดยเน้นที่การกระจายความเสี่ยงและการเติบโตอย่างยั่งยืน:
– โครงการโรงไฟฟ้า IPP ที่ใช้ก๊าซ: โครงการ GPD และ HKP ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 4,190 เมกะวัตต์ กำลังมีความคืบหน้าอย่างดี โดยเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างมีนัยสำคัญในปี 2566 และคาดว่าจะดำเนินการเพิ่มเติมในปี 2567 และ 2568
– โครงการพลังงานหมุนเวียน: Gulf กำลังขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียน โดยมีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมที่กำลังดำเนินการและวางแผนไว้ในประเทศไทยและสหราชอาณาจักร รวมถึงโครงการพลังงานไฟฟ้าพลังน้ำในลาว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการกระจายความเสี่ยงและความยั่งยืน
– ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค: โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรม MTP3 และโครงการท่าเรือ LNG ควบคู่ไปกับการพัฒนาทางหลวง เป็นโครงการริเริ่มด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญซึ่งสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ระยะยาวของ Gulf
– โครงการริเริ่มธุรกิจดิจิทัล: การลงทุนใน Data Center และ Digital Infrastructure เน้นย้ำถึงแนวทางของ Gulf ในการเข้าถึงพื้นที่การเติบโตใหม่และยกระดับภูมิทัศน์เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย
Disclaimer: บทความนี้เขียนโดย AI
- เนื้อหานี้จัดทำโดยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) หรือที่รู้จักกันในชื่อ AI เขียนบทความ โมเดลนี้ได้รับการฝึกฝนด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อให้สามารถเขียนข้อความที่คล้ายกับมนุษย์ได้ อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าเนื้อหานี้ไม่ได้เขียนโดยมนุษย์ และอาจไม่ถูกต้อง ครบถ้วน หรือสมบูรณ์ AI ยังอยู่ในช่วงพัฒนาและอาจสร้างข้อความที่ผิดพลาด บิดเบือน หรือไม่เป็นความจริง
- โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและประเมินเนื้อหานี้ ตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ เพิ่มเติม และอย่าพึ่งพาเนื้อหานี้เพียงแหล่งเดียว
![admin@bottomliner.co](https://secure.gravatar.com/avatar/b6dd03ffaacd9d40d28aa25bcab7fb0c?s=96&r=g&d=https://bottomliner.co/wp-content/plugins/userswp/assets/images/no_profile.png)