ชวนรู้จัก 10 บริษัทที่ปู่บัฟเฟตต์ VI ในตำนานลงทุนมากที่สุด
ข้อมูล 31-03-66
#อันดับ1 APPLE
สัดส่วน 46.44%
บริษัทนี้ไม่ต้องพูดเยอะ ไม่รู้จักไม่ได้ เพราะมันก็คือสินค้าคือ Apple ที่เราใช้กันอยู่ไม่ว่าจะเป็น Ipad Iphone Macbook ต่าง ๆ
.
Apple เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน โดยสร้างรายได้ไปกว่า 3.65 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2021 บริษัทมีมูลค่าถึง 2.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปัจจุบัน หรือถ้าเทียบความใหญ่ไม่ถูก ยกตัวอย่างให้เห็นภาพคือ บริษัท Apple บริษัทเดียวมีขนาดใหญ่กว่า 90% ของตลาดฮ่องกงเลยทีเดียว โดยปู่บัฟเฟตต์ได้เข้าซื้อ Apple ปี 2016 และถือยาวจนปัจจุบันเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพอร์ต
.
เดิมทีในตอนแรกนั้น Apple ไม่ได้เป็นผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีที่หลากหลายเหมือนที่เห็นในปัจจุบัน แต่จะเน้นขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลพร้อมซอฟต์แวร์
แต่จุดที่มาพลิกบริษัท Apple ให้เปลี่ยนไปตลอดกาล
คือการพยายามพัฒนาโทรศัพท์ปุ่มเดียวของ Steve Jobs และกลายเป็น iPhone นับได้ว่า Apple เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Smart Phone แพร่หลายในปัจจุบันเลยก็ว่าได้
.
และหลังจาก Steve Jobs จากไป
คนที่เข้ามาสานต่อคือ Tim Cook และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Apple เข้าสู่การเติบโตครั้งใหม่ที่เติบโตด้วยธุรกิจบริการ
ปัจจุบัน Apple มีรายได้จากธุรกิจบริการประมาณ 20% และยังเป็นธุรกิจส่วนที่เติบโตเร็วที่สุดในขณะนี้
#อันดับ2 Bank of America
สัดส่วน 9.09%
Bank of America หรือที่ชอบถูกเรียกว่า BoA หรือ BofA เป็นธนาคารและบริการการเงินชั้นนำของโลกที่ให้บริการกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ รองจาก JPMorgan Chase และเป็นหนึ่งใน Big 4 สถาบันการเงินของสหรัฐ ที่ถือครองเงินฝากประมาณ 10.7% ของทั้งประเทศ ในส่วนของ Wealth Management มี Merrill Lynch ที่ดูแลเงินลูกค้ากว่า 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
.
เมื่อนับรวมทั้ง Bank of America และ Merill Lynch แล้วจะถือว่าเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก
#อันดับ3 American Express
สัดส่วน 7.69%
บริษัทบัตรเครดิตที่ขึ้นชื่ออย่างมากในการให้สิทธิประโยชน์ ความหรูหราต่าง ๆ แก่ผู้ถือบัตรอย่างที่ไม่มีเจ้าไหนในโลกให้ได้ รวมถึงเป็นบัตรเครดิตที่ได้รับการยอมรับกว่า 170 ประเทศทั่วโลก
การมีบัตร American Express ใช้นั้นเปรียบเสมือนการถือสินค้า Brand name อย่างหนึ่งเลยทีเดียว
โดยการจะได้บัตรมานั้นต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 1 แสนเหรียญสหรัฐต่อปี (สำหรับบัตรเริ่มต้น) รวมถึงต้องมีเครดิตการเงินที่ดีมาก ๆ
โดยในบัตรระดับ Platinum มีค่าธรรมเนียมต่อปีอยู่ที่ราว ๆ 2.4 หมื่นบาทต่อปี
.
การเริ่มต้นลงทุนในบริษัท American Express ของปู่บัปเฟตต์ในปี 1964
ถือว่าเป็นการลงทุนที่เป็นตำนานของปู่ และเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ปู่หันมาลงทุนในแนวทาง ‘เลือกบริษัทที่ดีในราคาที่เหมาะสม’ (จากก่อนหน้าที่เน้นซื้อหุ้นถูกอย่างเดียวตามแบบ VI ดั้งเดิม) ซึ่งการเข้าซื้อในปี 1964 ของปู่นั้นเป็นช่วงที่บริษัท American Express กำลังเผชิญวิกฤตเรื่องความเชื่อมั่น นักลงทุนต่างหนีหาย และทำให้คำพูดของปู่ว่า ‘จงกลัวเมื่อผู้อื่นกล้า จงกล้าเมื่อผู้อื่นกลัว’ นั้นดังขึ้นมา
หลังจากนั้นปู่ได้มีการขายออกไป และกลับมาซื้อใหม่ในปี 1993
เข้าพอร์ตลงทุนของ Berkshire Hathaway
#อันดับ4 Coca-Cola
สัดส่วน 7.63%
บริษัทผลิตเครื่องดื่มที่หลากหลายของสหรัฐ สินค้าที่เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลกก็คือโค้กนั้นเอง
Coca-Cola ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1886 โดยเภสัชที่ชื่อว่า John Stith Pemberton ก่อนที่ในปี 1889 สูตรจะถูกขายต่อให้ Asa Griggs Candler ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Coca-Cola
.
โดยรสชาติที่ถูกปาก ดื่มง่าย ให้ความสดชื่นกับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีทำให้ Coca Cola นั้นติดตลาดและขายดีอย่างมาก ต่อมาบริษัทได้ทำการสร้างแบรนด์ย่อยและซื้อบริษัทเครื่องดื่มเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก
ยกตัวอย่างยี่ห้อคนไทยน่าจะรู้จักกันดีเช่น Fanta, Sprite, Schweppes เป็นต้น
#อันดับ5 Chevron
สัดส่วน 6.65%
บริษัทพลังงานประกอบธุรกิจสำรวจ ผลิต ขนส่งและจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียม พลังงานความร้อนใต้ดินและเคมีภัณฑ์ เกิดจากการควบรวมกิจการของสแตนดาร์ดออยล์แห่งแคลิฟอร์เนีย กับกัลฟ์ออยล์
ปัจจุบันเป็นบริษัทน้ำมันอันดับ 2 ของสหรัฐ
และเป็นบริษัทผลิตพลังงานความร้อนจากใต้ดินรายใหญ่ที่สุดในโลก
#อันดับ6 Occidental Petroleum
สัดส่วน 3.99%
OXY หรือ Occidental Petroleum เป็นบริษัทที่ผลิตน้ำมันภาคพื้นดินที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำต้นทุนการผลิตน้ำมันได้ต่ำสุดในสหรัฐ ที่แถว ๆ $40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
บัฟเฟตต์เข้าซื้อ OXY ครั้งแรกในปี 2019 แต่มาซื้อเพิ่มอีกทีในปีนี้นี่เอง (2022)
หลังเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูง และ Supply การผลิตพลังงานหายไปจากการคว่ำบาตรของทั่วโลกต่อรัสเซีย (ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่ของโลก)
Berkshire Hathaway ของปู่จึงเข้าซื้อกิจการ OXY โดยการซื้อสิทธิ์ความเป็นเจ้า (หุ้น) มากกว่า 50% ของหุ้นทั้งหมด
#อันดับ6 Kraft Heinz
สัดส่วน 3.87%
บริษัทอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐ ชื่อของบริษัทมาจากผู้ชื่อก่อตั้ง 2 ท่านคือ James Lewis Kraft และ henry John Heinz
สาเหตุที่บัฟเฟตต์ชอบบริษัท Kraft Heinz เพราะว่าบริษัทมีสินค้าที่มีแบรนด์แข็งแรงมาก
โดยสินค้าที่คนไทยน่าจะรู้จักที่สุดคือซอสยี่ห้อ Heinz หรือจะเป็นสินค้าอื่น ๆ เช่น Kraft Mac & Cheese, Philadelphia cream cheese
.
#อันดับ8 Moody’s
สัดส่วน 2.32%
Moody’s เป็น 1 ใน 3 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ของโลก ซึ่งแค่ 3 บริษัทรวมกันมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 95% ในอุตสาหกรรมนี้ จึงถือเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างผูกขาดและมีคู่แข่งเกิดใหม่ยากมากเนื่องจากมีกฏหมายและเรื่องความน่าเชื่อถือมาเกี่ยวข้อง
นอกจากด้านการจัดลำดับความน่าเชื่อถือแล้ว Moody’s ยังมีธุรกิจวิเคราะห์ข้อมูลให้บริษัทต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันเติบโตจนนับเป็น 37% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท
ในด้านความสามารถในการแข่งขัน บริษัทก็มีความสามารถในการต่อรองราคาลูกค้าได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีการจ่ายปันผลที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ปัจจุบัน Moody’s เป็นหนึ่งในหุ้นที่ปู่บัฟเฟตต์ถืออย่างยาวนานมากกว่า 20 ปี แล้ว
#อันดับ9 Activision Blizard
สัดส่วน 1.30%
ค่ายเกมอันดับ 1 จากอเมริกาที่เป็นผู้สร้างเกมสุดฮิตมาทุกยุคทุกสมัยตัวอย่างเช่น Guitar Hero, StarCraft, World of Warcraft, Call of Duty, Diablo, Candy Crush บริษัทจะเน้นพัฒนาเกมบน PC มากกว่า ส่วนในโทรศัทพ์จะเน้นขายลิขสิทธิให้บริษัทอื่นไปพัฒนาต่อ
ตัวอย่างเกมที่ให้ partner อย่าง netease ไปพัฒนาต่อ เช่น Diablo III, World of Warcraft, Hearthstone, Overwatch
.
Activision Blizard เป็นอีกหุ้นที่ปู่ปัฟเฟตต์เข้าซื้อในปีนี้ โดยเหตุผลในการเริ่มเข้าซื้อนั้น เป็นในเชิงเกร็งกำไรว่า Microsoft จะทำการเข้าควบรวมกิจการของ Activision Blizard
.
การเข้าซื้อของ Microsoft นั้นเป็นผลดีกับบริษัท Activision Blizard เพราะเดิมทีบริษัทเน้นพัฒนาเกมบน PC เป็นหลักอยู่แล้ว การได้อยู่ภายใต้ Microsoft นั้นจะทำให้ Activision Blizard สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้มากขึ้น
#อันดับ10 HP Inc
สัดส่วน 1.09%
เป็นบริษัทที่น่าจะมีชื่อผ่านหูผ่านตา หรืออาจจะมีสินค้าอยู่ในทุกออฟฟิตก็ว่าได้
HP Inc เป็นบริษัทเทคสหรัฐที่เน้นพัฒนา, เครื่องปริ้นท์ และอุปกรณืต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจรที่เรียกรวมว่า “3D printing solutions” บริษัทก่อตั้งในปี 2015 จากการแยกบริษัทออกจากบริษัท Hewlett-Packard ปัจจุบัน HP Inc ขายสินค้ากว่า 170 ประเทศทั่วโลก และมี Partners ช่องทางการจำหน่ายกว่า 250,000 ช่องทาง
.
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับหุ้นที่ปู่ถืออยู่ตอนนี้ ลูกเพจชอบตัวไหนเป็นพิเศษ หรือมีตัวไหนอยู่บ้างมาคุยเล่นกันได้ใน comment เลยครับ
.
BottomLiner