ปู่ SET 100 ชน S&P 500 ถึงเวลาไปลงทุนต่างประเทศแล้วหรือเปล่า?
วันนี้เอาสถิติมาให้ดูกันครับ ทำไม BottomLiner ถึงชวนออกไปปต่างประเทศนักหนา
อย่างแรกเลยคือการออกไป US ตลาดเดียวเนี่ย เหมือนเราได้กระจายความเสี่ยงไปหลายประเทศมาก ๆ แล้ว
เพราะในตลาดเดียวมีหุ้นชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลกลิสต์อยู่แล้ว
และจริง ๆ หุ้นเหล่านั้นใกล้ตัวเรามาก แม้คุณจะบอกว่าเราเป็นคนไทย บริษัทไทยเราต้องรู้มากกว่าสิ
แต่ลองคิดดูทุกวันนี้สิ่งของที่เราใช้ในชีวิตประจำวันเป็นของบริษัทไทยหรือต่างประเทศเยอะกว่ากัน
นอกจาก ห้าง เครือ CP ปั้มน้ำมัน ค่ายมือถือ แบงค์ มีอะไรอีกบ้างที่เราใช้มันทุกวันและจะใช้มากขึ้นถ้ามีเงินใช้จ่ายมากขึ้น
(การลงทุน เราอยากให้เงินเติบโต สินค้านั้นก็ต้องขายได้มากขึ้นเนอะ)
แล้วลองเทียบกับสินค้าต่างประเทศ มือถือ คอม โทรศัพท์ รถยนต์ แบรนด์เนม โซเชียลมีเดีย เสื้อผ้า อะไรบ้างที่เราจะซื้อมันมากขึ้นถ้ามีเงิน และสิ่งเหล่านั้นมันลงทุนได้ในต่างประเทศ!
.
กลับมาสู่เรื่องตลาด คือถ้าตามความเข้าใจเรายิ่งขนาดตลาดเล็ก ก็ยิ่งผันผวน แต่ก็ยิ่งเติบโตดี
แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย SET เราเหมือนคนแก่แล้วแก่เลย 10 ปีที่ผ่านมา หากลงทุนในดัชนี SET 100 เราจะได้ขาดทุนเฉลี่ย -0.6% (ฝากแบงค์ยังกำไรกว่า)
ในขณะที่ตลาด S&P500 ของสหรัฐแค่ดัชนีเดียว ใหญ่กว่า SET 100 ไป 87 เท่า และทำผลตอบแทน +9.1% ต่อปี
#เอาเป็นตัวเลขให้เห็นภาพ
ถ้าลงทุน SET 100 เมื่อ 10 ปีก่อนด้วยเงิน 1,000 คุณจะเหลือเงิน 945
ในขณะที่ถ้าลง S&P 500 เงินจะโตเป็น 3,217 บาท
ถ้ามีเงินลงสัก หมื่น สัก แสน ก็เทียบดูได้เลยว่ามันต่างกันขนาดไหน
.
ในขณะที่ความเก่าแก่ผ่านร้อนผ่านหนาว ความเสถียร การตรวจสอบได้ ก็มากกว่า
ตลาด US ผ่านมาแล้ว 158 ปีแต่ยังแข็งแรงเติบโตได้ดี ในขณะที่ปู่ SET อายุแค่ 48 ก็แก่ตัวไม่ไปไหนเสียแล้ว
.
ฝากไว้ปิดท้ายว่า ถ้าใครยังถนัดหุ้นไทยก็ซื้อต่อไปได้ครับ แต่อยากให้เปิดใจแบ่งเงินออกมาลงทุนต่างประเทศแล้วคุณจะเห็นโอกาสหลาย ๆ อย่างที่มากกว่าเยอะ
.
#เมื่อข้างหน้ามีปลาเต็มมหาสมุทร #อย่าขังตัวเองอยู่ในคลอง
#โอกาสมีอยู่ทุกที่ #ขอเพียงเปิดใจ
.
BottomLiner