หุ้นต้น-กลาง-ปลายน้ำ คืออะไร? ซื้อตอนไหนดีสุด
การเรียกต้น-กลาง-ปลายน้ำนั้นมาจากคำว่า upstream-midstream-downstream
ซึ่งแปลมาตรงตัวเลยจากภาษาอังกฤษ โดยมีจุดเริ่มต้นการใช้งานมาจากอุตสาหกรรม Oil and Gas เพื่อใช้ในการอธิบายกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมตั้งแต่ขุดน้ำมันดิบขึ้นมา แปรรูปไปจนถึงบริการขายที่หน้าปั้ม ต่อมาวิธีเดียวกันถูกนำไปใช้อธิบายอุตสาหกรรมอื่นด้วย
.
ซึ่งโดยปกตินั้น ธุรกิจปลายน้ำบางธุรกิจ สามารถเป็นธุรกิจต้นน้ำของอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้ หาก ธุรกิจนั้น ๆ เป็นอุตสาหกรรมการผลิตวัตถุดิบ
ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรม Fashion อาจมีปลายน้ำจากอุตสาหกรรมเคมี เป็นต้นน้ำอุตสาหกรรม เพื่อผลิตใยผ้า สีย้อมผ้า สังเคราะห์ใยผ้า เป็นต้น
.
บางอุตสาหกรรมอาจแบ่งผู้เล่นต้นน้ำ-ปลายน้ำได้ยาก บางบริษัทก็เป็นผู้เล่นหลายตำแหน่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน
แต่รวม ๆ แล้ว ธุรกิจ ต้น-กลาง-ปลายน้ำ มีจุดเด่น จุดด้อยที่แตกต่างกันพอสังเกตุได้ประมาณนี้
หุ้นต้นน้ำ
ความสามารถในการเติบโตจะขึ้นอยู่กับการขยายกำลังการผลิตเป็นหลัก ส่วนใหญ่ธุรกิจต้นน้ำจะมีความสัมพันธ์กับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งราคาผันผวนตามนโยบายของประเทศต่าง ๆ และ demand อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กำไรจึงค่อนข้างขึ้น ๆ ลง ๆ ตามต้นทุนและการบริหารจัดการ
ข้อเสียคือ ธุรกิจต้นน้ำโดยรวมคือ ไม่สามารถกำหนดอัตรากำไรที่สูงมากได้ การขยายธุรกิจในพื้นที่ใหม่ ๆ ค่อนข้างทำได้ยาก และด้วยความที่สินค้าอยู่ในลักษณะวัตถุดิบ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้มีคู่แข่งมาก การแข่งขันสูง
ยกตัวอย่างหุ้นต้นน้ำ เหมืองลิเธียม SQM, Albermarle
หุ้นกลางน้ำ
เป็นตัวกลางในการแปรรูปวัตถุดิบหรือนำสินค้าจากบริษัทต้นน้ำมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อส่งขายต่อ ส่วนใหญ่ธุรกิจกลางน้ำอยู่ในรูปแบบของโรงงานผลิต หรือแปรรูปสินค้าจากต้นน้ำไปเป็นสินค้าอื่น
ธุรกิจกลางน้ำมีเงินสดค่อนข้างสม่ำเสมอจากการซื้อ-ขายสินค้าในรูปแบบสัญญา การเปลี่ยนแปลงค่อยเป็นค่อยไปกว่าต้นน้ำและปลายน้ำ มีคู่แข่งและ ความผันผวนจากราคาวัตถุดิบน้อยกว่าต้นน้ำ ส่วนใหญ่ธุรกิจกลางน้ำจะสามารถถ่ายทอดต้นทุนไปสู่ลูกค้าที่อยู่ปลายน้ำได้ไม่มากก็น้อย ความสามารถในการเติบโตจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการผลิตสินค้าที่โดดเด่นตอบโจทย์ลูกค้าได้
ข้อเสียของธุรกิจกลางน้ำคือ ส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะ โรงงานทำให้มีต้นทุนการวางโครงสร้างที่สูง ใช้เงินลงทุนสูง และด้วยลักษณะที่เป็นตัวกลางทำให้สามารถถูก Disruption ได้ง่าย รวมถึงเมื่อเกิด Supply Shortage จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจโดยตรง
ยกตัวอย่างหุ้นกลางน้ำ แบตเตอรี่ CATL, LG Energy
หุ้นปลายน้ำ
รับสินค้าจากกลางน้ำมาเพื่อกระจายสินค้า จัดจำหน่าย หรือนำสินค้าจากกลางน้ำไปประกอบ สร้างสินค้าสำเร็จรูปอีกต่อ สามารถทำกำไรเพิ่มเติมได้เยอะจากการเพิ่มขึ้นของ Demand ในขณะเดียวกัน สามารถทำการตลาด สร้างแบรนด์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและบริการได้ ปลายน้ำจึงเป็นส่วนที่อัตราทำกำไรค่อนข้างสูง หากธุรกิจประสบความสำเร็จ
ยกตัวอย่างหุ้นปลายน้ำ รถยนต์ไฟฟ้า Tesla BYD
.
ซึ่งโดยทั่วไปหุ้นต้นน้ำ-ปลายน้ำจะสร้างผลตอบแทนได้ดีในแต่ละช่วงของวัฏจักรเศรษฐกิจที่ต่างกัน
EarlyExpansion
ช่วงเศรษฐกิจเริ่มขยายตัว ฟื้นตัวจากช่วงเศรษฐกิจตกต่ำหรือชะลอตัว ลักษณะโดยทั่วไปของช่วงนี้ คือ Demand ต่าง ๆ เริ่มฟื้นตัว ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น
หุ้นต้นน้ำจะเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์ในช่วงแรก ๆ ของวัฏจักรเศรษฐกิจ จากความต้องการวัตถุดิบ สินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มากขึ้น การบริโภคพื้นฐานจะเป็นตัวกระตุ้นการเติบโตกำไรในหุ้นต้นน้ำได้ดี ในขณะที่หุ้นกลางน้ำ-ปลายน้ำจะยังไม่มีการเติบโตที่ชัดเจน แต่นักลงทุนก็สามารถเริ่มเลือกหุ้นกลางน้ำ-ปลายน้ำสำหรับลงทุนได้แล้วเพราะแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดี สามารถทำให้หุ้นกลางน้ำและปลายน้ำขึ้นได้เช่นกัน
ในขณะเดียวกันเราสามารถใช้มุมมองจากบริษัทต้นน้ำถึงอนาคตเป็นตัวบอกแนวโน้มเศรษฐกิจได้ หรือบ่งบอกว่าเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงไหน
.
Mid&LateExpansion
เศรษฐกิจจะโตต่อเนื่องจนจากช่วงแรกจนถึงจุดสูงสุด การบริโภคและการผลิตต่าง ๆ แข็งแกร่ง ในขณะที่การจ้างงานและเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคจะมีกำลังซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยมากขึ้น
หุ้นกลางน้ำและปลายน้ำจะทำผลงานได้ดีจากความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้น การส่งผ่านต้นทุนสินค้าและบริการให้ผู้บริโภค เป็นข้อดีของธุรกิจ กลาง-ปลายน้ำ ทำให้แม้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจกลาง-ปลายน้ำ ตรงกันข้ามเป็นผลดีและเพิ่มอัตรากำไรของบริษัทให้สูงขึ้นด้วย
Recession
เป็นช่วงที่ความต้องการบริโภคชะลอตัว นำไปสู่ความต้องการวัตถุดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ชะลอตัวไปด้วย เมื่ออยู่ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวหุ้นทุกกลุ่มจะได้รับผลกระทบไปด้วย เนื่องจาก การใช้จ่ายและลงทุนในภาคธุรกิจที่ลดลง
หุ้นต้นน้ำจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักกว่าปลายน้ำ เนื่องจาก ต้นทุนในการผลิตของกลุ่มต้นน้ำจะค่อนข้างคงที่ กำไรจึงผันผวนตามการดำเนินงานซึ่งเปลี่ยนไปตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเพิ่ม/ลดตามความต้องการบริโภค
ในขณะที่หุ้นกลางน้ำ/ปลายน้ำ จะได้รับผลกระทบที่น้อยกว่าเล็กน้อย เนื่องจากมีความสามารถในการลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าธุรกิจต้นน้ำ รวมถึงสามารถส่งผ่านต้นทุนให้ผู้บริโภคได้
.
ทั้งนี้จากข้อความข้างต้นเป็นเพียงลักษณะโดยรวมเท่านั้น แต่ละอุตสาหกรรมและแต่ละรอบของวัฏจักรเศรษฐกิจ (ราว ๆ 12 ปี) มักมีรูปแบบแตกต่างกันไป การที่เราติดตามข้อมูลแต่ละอุตสาหกรรมสม่ำเสมอจะทำให้เราเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ในแต่ละอุตสาหกรรม
.
BottomLiner
เข้าห้องไลน์ “ห้องข่าวสาร หุ้น กองทุนต่างประเทศ โดย BottomLiner” รับข่าวสาร พูดคุยกันกับนักลงทุนไทย ลงทุนไกลต่างแดน เติบโต มั่งคั่งไปด้วยกัน
คลิ๊กเลย >> http://bit.ly/3HJgokP