Ambarella บริษัทผู้ผลิต Semiconductor ที่เชี่ยวชาญด้านประมวลภาพโดยเฉพาะ
บริษัทพัฒนา AI แบบ Deep Neural Network โดยบุคลากรกว่า 80% เป็นวิศวกร แล้วจากวิศวกรทั้งหมดมี 60% เชี่ยวชาญเรื่อง Software/ Algorithm จุดแข็งตรงด้าน AI นี่แหละที่ทำให้คุณภาพของภาพจากชิพของ Ambarella สูงกว่าบริษัทอื่นๆ และเป็นผู้นำตลาด high end AI camera ในตอนนี
ตลาดเป้าหมายหลักของ Ambarella คือกลุ่ม Autonomous, Security Camera และ Robotics โดยดูแล้วบริษัทจะเน้นไปที่ตลาด Edge-Endpoint พิเศษ นั่นคือตัวชิพสามารถประมวลผลข้อมูลที่ตรวจจับได้จบที่ตัวอุปกรณ์ที่มีกล้องเลย ไม่ต้องโหลดทรัพยากรไปที่ Data Center อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในกล้องด้วยว่าจะไม่ถูกส่งออกไปที่อื่นด้วยเช่นกัน
ก่อนเกิดปัญหาสงครามการค้าระหว่างอเมริกากับจีน Ambarella ดูจะเป็นบริษัทที่มีสถานะแข็งแกร่งมาก เพราะเป็นผู้ส่งชิพประมวลผลภาพ Computer Vision System-on-a-Chip (CV) ให้กับตลาดกล้องวงจรปิดให้กับบริษัทใหญ่ๆอย่าง Hikvision, Dahua หรือ DJI
แต่เมื่อสงครามการค้าเกิดขึ้น รัฐบาลอเมริกาสั่งห้ามให้ Ambarella ส่งชิพให้บริษัทจากประเทศจีน ทำให้ Ambarella อยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แต่ Ambarella ก็ไม่จะหยุดที่จะหาโอกาสเติบโตในตลาดที่มีการเติบโตสูงอย่าง ADAS และ Autonomous ซึ่งต้องใช้กำลังการประมวลผลสูงและต้องมีการตอบสนองที่ไว ไม่เหมาะกับการส่งข้อมูลไปกลับ Data Center เข้าทาง Edge Application ที่เป็นความเชี่ยวชาญของ Ambarella ที่พัฒนาขึ้นมาอย่างโดดเด่นในระยะหลัง
จะให้ดูรายได้ย้อนหลังก็ดูจะไม่มีประโยชน์เท่าไหร่นักสำหรับตัวนี้ เพราะฐานลูกค้าชุดแรกคือ Drone ต่อมาเริ่มไหลมากล้องวงจรปิด ถัดไปจะเป็น Autonomous และ Security Camera แต่จะเอาสัดส่วนรายได้ปัจจุบันเทียบอดีตมาให้มองเห็นเทรนด์ที่บริษัทกำลังมุ่งไปในอนาคตก็แล้วกัน
สัดส่วนรายได้ในปี 2020
Security Camera 60-65% (จาก 35-40% ในปี 2016)
Automotive 15-20% (จาก 10-15% ในปี 2016)
รายได้อื่นๆ อีก 15-25% (จาก 50-55% ในปี 2016)
สัดส่วนของรายได้อื่นๆ เช่น Action Camera, Drone ระดับมืออาชีพ และตลาด AR/VR เป็นตัวกดดันรายได้ของ Ambarella 2017-19 และบริษัทแจ้งว่ารายได้ตรงนี้จะลดลงเรื่อยๆ ใน 2-3 ปีข้างหน้าอีกด้วย
ตลาดของ ADAS ถูกคาดการณ์ว่าจะมีขนาดประมาณ 2.7 ล้านล้านบาทภายในปี 2025 เป็นการเติบโตต่อปีที่ 20.96% และตัวที่เป็นแกนหลักในการจะเติบโตส่วนนี้ก็ คือ ส่วนกล้อง ADAS รวมถึง CV Technology จากการที่ Ambarella เป็นผู้นำในตลาดนี้ก็คงมีโอกาสสูงมากกว่าบริษัทอื่นที่จะได้ประโยชน์จากโอกาสในตลาดใหม่นี้
Ambarella คาดว่าสัดส่วนรายได้ที่มาจาก CV จากเติบโตจาก 10% ในปี 2021 เป็น 25% ในปี 2022 บริษัทแบ่งที่มาของรายได้จะเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงแรกมาจาก Professional Security Camera ในปี 2020 ระยะที่ 2 คือการนำไปใช้ใน Smart Home Security Camera ในปีนี้ และ สุดท้ายในปี 2022-23 จะถูกนำไปใช้ในระบบกล้องของรถยนต์ ซึ่งดูจะ conservative มากๆ เพราะค่ายรถยนต์กำลังถูกจีน disrupt ทำให้ทุกเจ้าต้องเร่งทำให้ไฮเทคขึ้น
ชิพ CV รุ่นมาตรฐานของบริษัทคือรุ่น CV22 สามารถที่จะประมวลผลได้ 2 กล้องพร้อมกันที่ความละเอียด 8 MP ที่ 30-60 เฟรมต่อวินาที (FPS) ชิพรุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่เน้นตลาด mass ของ Autonomous เลยก็ว่าได้ เพราะสามารถใช้ร่วมกับระบบ Autonomous level 0 ถึง 5 ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะตำแหน่ง Forward facing L0-L3, eMirror L0-L4 และ In-Cabin L0-L5 ซึ่งบริษัทเป็นพันธมิตรกับ Longhorn และ Baolong Tier 1 supplier จากประเทศจีน จุดแข็งที่บริษัทจากจีนชอบ Ambarella ก็คือ ราคาที่เป็นมิตรมากกว่า ชิพจาก Nvidia และ Mobileye
.
ส่วนตัวที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือรุ่น CV5 เปิดตัวมาหมาดๆต้นปี 2021 ผู้บริหารถึงกับบอกว่านี่คือ ชิพที่กำหนดมาตรฐานยุคใหม่ให้กับกล้อง Automotive, Robotics และสำหรับผู้ใช้ทั่วไปเลยทีเดียว ตัวชิพระดับ High End ดีที่สุดในตระกูล CV ผลิตที่สถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร กินไฟเพียง 2 วัตต์ ในขณะที่ประมวลวิดีโอ 8K ที่ 30 FPS เหมาะมากสำหรับติดตั้งไว้ในอุปกรณ์ Edge Devices ต่างๆ และสามารถรองรับกล้องได้สูงสุด 14 ตัว ความละเอียด 32 MP ที่ 60 FPS (แต่ถ้าจำนวนกล้องเยอะ ความละเอียดและFPS จะต่ำลงนะครับ)
จุดเด่นของตัวชิพ CV5 คือ สมรรถนะการประมวลผลจากภาพที่บันทึกได้จากหลายๆกล้องพร้อมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่รถยนต์แบบ Autonomous จำเป็นที่จะต้องมีระบบนี้ติดตั้งไว้ CV5 สามารถที่จะประมวลผลจาก กล้องมองด้านข้าง ด้านหน้า และด้านหลังรถ, กล้องจับภาพผู้ขับขี่ และกล้องในห้องโดยสาร หรือถ้าจะเอาให้เต็มที่ที่สุดคือเป็นมุมอง 360 องศา รอบคันเลยก็ยังสามารถรองรับการประมวลผลได้เพียงพอ หรือถ้าหากจะนำไปใช้ในส่วนงานโดรน ชิพ CV5 สามารถที่จะควบคุมการบินได้ไปพร้อมกับบันทึกภาพ 8K 60FPS ได้อย่างสบายๆเลยทีเดียว
ส่วนตลาดดั้งเดิม Ambarella ก็ไม่ได้ปล่อยไว้เฉยๆ แม้ว่าลูกค้าที่ผลิต Security Camera รายใหญ่ 9 ใน 10 เป็นลูกค้าปัจจุบันบริษัทอยู่แล้ว ปลายปีที่ผ่านมาเพิ่งปล่อยชิพ CV28M สถาปัตยกรรม 10 นาโนเมตร เพื่อเจาะตลาดใหม่เพิ่มเติมอย่างอุปกรณ์รุ่นราคาต่ำๆ และนำไปใช้ได้ในส่วน Retail Monitoring กับ Robotics ได้ ยังมาพร้อมกับระบบ Cybersecurity แบบเต็มรูปแบบ
ถ้ามองยาวๆแล้ว Ambarella เป็นบริษัทที่น่าสนใจเพราะเกาะติดไปกับเทรนด์ใหญ่ของโลกนี้ ทั้ง Security Camera และ รถยนต์ Autonomous ถ้าหากสนใจแล้วอย่าลืมศึกษาเรื่องการหามูลค่าเหมาะสมของบริษัทก่อนเข้าลงทุนด้วยนะครับ
Bottomliner
เรามีอธิบายเพิ่มเติม หุ้น Ambarella (NASDAQ: AMBA) ในคอร์ส 5G & Internet of Things + Edge Computing (ดูรายละเอียดต่อ https://bottomliner.co/expert-online-5g/)