เจาะลึก Generative AI ตอนที่ 2: Stable Diffusion vs Midjourney vs DALL·E แตกต่างกันอย่างไร?
![เจาะลึก Generative AI ตอนที่ 2: Stable Diffusion vs Midjourney vs DALL·E แตกต่างกันอย่างไร?](https://bottomliner.co/wp-content/uploads/2023/06/AI-ep2-cover.png)
ต่อเนื่องจากโพสก่อน (Link อยู่ด้านล่างสุด) ที่เราได้เกริ่นถึง Stable Diffusion กันไปแล้วว่าเป็นหนึ่งใน Generative AI ที่สามารถ Generate ภาพได้ และกำลังจะเข้ามา Disrupt วงการ Concept Designer ในอนาคต โดยเมื่อไหร่ที่ธุรกิจส่วนใหญ่เริ่มหันมาใช้ AI ช่วยทำ Concept Art ก็จะประหยัด Cost และเวลาการทำงานได้อย่างมาก ทำให้คนในตำแหน่งระดับ Entry มีโอกาสตกงานสูงขึ้น
.
ในปัจจุบันนอกจาก Stable Diffusion แล้วยังมี AI สำหรับ Generate ภาพอีกเพียบ เช่น Midjourney ที่มียอดคนใช้มากที่สุดตอนนี้ และ DALL·E ของ OpenAI เจ้าของผู้สร้าง ChatGPT นั่นเอง ซึ่งวันนี้เราจะมาดูกันว่าแต่ละเจ้ามีอะไรที่เหมือนหรือแตกต่างกันตรงไหนบ้าง
.
ราคา (Price and Availability)
Stable Diffusion เป็น Open-source ที่โหลดไปติดตั้งใช้งานกันได้ฟรีๆ แต่อาจต้องเสียเงินให้กับการหาการ์ดจอแรงๆมาใช้ใน PC ที่บ้าน รวมถึงค่าไฟที่จะสูงขึ้นตามมา เพราะการ Generate ภาพนั้นจะรีดการ์ดจอให้ทำงานเต็มที่ 100% ขณะที่ Midjourney และ DALL·E จะเรียกเก็บเงินจากการใช้งานบน Cloud
.
เราสามารถเข้าใช้ Midjourney ได้ใน Discord แพลตฟอร์ม Community ที่เราคุ้นเคยกันดี โดยเราสามารถเลือกทดลองใช้ หรือจ่าย Subscription รายเดือน/รายปีก็ได้ มีราคาตั้งแต่ $10 – $60 ต่อเดือน
.
ขณะที่ DALL·E นั้นเราต้องซื้อ Credit เพื่อใช้ Generate ภาพ ยิ่งภาพมีความละเอียดสูงจะยิ่งใช้ Credit เยอะ DALL·E มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ $15 ต่อ 115 credit ซึ่งพอใช้ Generate ภาพได้ราว 460 ภาพ
.
จำนวนโมเดล (Model)
Model คือชุดข้อมูลที่เทรนมาแล้ว ซึ่งมีหลากหลายสไตล์ภาพตามที่นำมาเทรน โดย Stable Diffusion มีโมเดลจากทั้งผู้พัฒนาและ Developer ทั่วโลกรวมเกินกว่า 1,000 โมเดลในหลากหลายอาร์ตสไตล์
.
ขณะที่ Midjourney มีโมเดลที่มาจากผู้พัฒนาเองอยู่ราวๆ 10 โมเดล เช่นเดียวกัน DALL·E ที่ยังอยู่ในช่วงทดสอบ ก็ไม่ได้เปิดให้เราเลือกโมเดลได้ มีเพียงตัว DALL·E 2 ที่เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดให้เราใช้กันเท่านั้น
.
ฟีเจอร์และความสามารถ (Customization)
Stable Diffusion นั้นจะมีความยากตั้งแต่การติดตั้งไปจนถึงการใช้งานค่อนข้างมากกว่า AI ตัวอื่น แต่โดยรวมแล้ว Stable Diffusion สามารถตั้งค่า Parameter ต่างๆในการ Generate ได้เยอะและมีฟีเจอร์มากกว่า AI ตัวอื่น ขณะที่ Midjourney และ DALL-E นั้นจะใช้งานง่ายกว่า ไม่ต้องติดตั้งอะไรให้ยุ่งยาก เลยทำให้คนทั่วไปนิยมใช้สองตัวนี้มากกว่า
.
คุณภาพ (Image Quality)
Stable Diffusion ยังคงมีปัญหาเรื่องคุณภาพของรูปซึ่งด้อยกว่า Midjourney และ DALL-E โดยเฉพาะการ Generate รูปคนที่ติดมือ แขน และขามาด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Dataset ที่ Stable Diffusion ใช้เทรนนั้นไม่ได้คุณภาพแต่แรก ขณะที่ Midjourney แม้อาร์ตสไตล์จะไม่หลากหลาย แต่คุณภาพของรูปที่ Generate ออกมานั้นสวยงามตั้งแต่ครั้งแรก เช่นเดียวกับ DALL-E
.
ลิขสิทธิ์ภาพ (License)
สำหรับเรื่องลิขสิทธิ์ทางภาครัฐเช่นใน US เอง ยังไม่มีกฎหมายมาคุ้มครองภาพที่ถูกสร้างขึ้นโดย AI ทำให้เรามักจะเห็นศิลปินนักวาดออกมาเรียกร้องและฟ้องบริษัทผู้พัฒนา AI ว่าขโมยภาพของตัวเองไปเทรนกันอยู่บ้าง ขณะเดียวกันฝั่งคนที่ใช้ AI Generate ภาพออกมา ก็อาจอ้างสิทธิ์ในภาพ AI ของตัวเองไม่ได้ หากถูกคนอื่นขโมยภาพไปขายต่อ เพราะกฎหมายตอนนี้ยังคลุมเคลืออยู่นั่นเอง
.
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งที่เรายกมาเท่านั้น ความจริงยังมีข้อเหมือนและข้อแตกต่างอยู่อีกมากในรายละเอียด แต่ที่สำคัญยุคของ Generative AI พึ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น อนาคตไม่ไกลเราจะเริ่มเห็นบริษัทใหญ่เข้ามาร่วมวงกับเหล่า Startup เหล่านี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ เช่น Microsoft Google และ Adobe ที่เริ่มจะนำ AI ไปใช้ในบริการของตัวเองกันบ้างแล้ว และท้ายที่สุด ใครที่มีสายป่านยาวกว่าก็จะสามารถเติบโตและอยู่รอดในยุคของ AI ต่อไปได้นั่นเอง
.
(อ่านโพสก่อนได้ที่นี่)
https://www.facebook.com/bottomlinerglobal/posts/pfbid0x4aFk9bELoGoMAfAqFMvpacMzixb1vyqbBdBMscUPydoEWAA3z722sgGV5sDCZEyl
.
BottomLiner
![panarin suejindaporn](https://secure.gravatar.com/avatar/4be9778f802dbe636a19f4e0ec8baf24?s=96&r=g&d=https://bottomliner.co/wp-content/plugins/userswp/assets/images/no_profile.png)