กินได้ นอนหลับ หนีดอย โชว์กำไรสวยๆ ด้วย Put Option – สิ่งมหัศจรรย์ในการจัดการความเสี่ยง
ไม่ว่าคุณจะเป็น มือใหม่ ที่พึ่งหัดลงทุน หรือ
มือเก๋า ลงทุนมานานแล้ว แต่หากำไรไม่เจอ หรือ
เซียนสายถือยาว ลงทุนมานาน และทำกำไรได้สบาย
เซียนสายเก็งกำไร เทรดสั้นๆ
แต่ไม่เคยใช้ Put Option ถือว่าพลาดของดี !
อันนี้จะตรงข้ามกับ EP. ที่แล้วที่เป็น Call Option
ถ้า Call Option เป็นสิทธิ์ในการซื้อหุ้น … Put Option คือสิทธิ์ในการขายหุ้น ที่ราคาใช้สิทธิ์ในอนาคตที่ตกลงกันไว้
หากคิดว่าหุ้นจะขึ้น ให้ซื้อ Call Option
หากคิดว่า หุ้นจะลง ให้ซื้อ Put Option
ข้อดีของการแทงลง และซื้อ Put Option คุณจะได้ 2 เด้งคือ
1.Limit Loss เวลาเสีย เสียไม่มาก
2.เวลาหุ้นตกแรงๆ ค่าความผันผวนจะสูงขึ้น และจะทำให้มูลค่า Put Option แพงขึ้นกว่าปกติ
ทำให้การใช้ Put Option แทนการขายเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
และหากคุณถือหุ้นอยู่แล้ว แล้วใช้ Put Option ช่วย จะได้เด้งที่ 3 คือ คุณสามารถเก็บต้นทุนหุ้น ที่ต่ำๆเอาไว้ได้ ยิ่งเห็นทุนต่ำยิ่งดีต่อการบริหารพอร์ต เพราะเราสามารถใช้ Put Option ในการ Hedge หรือปกป้องความเสี่ยงได้
ถ้าคุณมีหุ้น แต่กลัวว่าหุ้นจะปรับฐาน พักตัวช่วงสั้น ปกติเราก็จะต้องขาย
แล้วรอหุ้นตก ค่อยไปซื้อใหม่ แต่ปัญหาที่ตามมาทันทีคือ
ต้นทุนครั้งใหม่จะสูงขึ้น ส่งผลต่อสภาพจิตใจ
แต่หากคุณซื้อ Put Option แทนการขาย เป็นการล็อคกำไร จะได้ประโยชน์อย่างมาก ตัวอย่างเช่น คุณมีหุ้น A ราคา 100 บาท 100 หุ้น คิดเป็นเงินมูลค่า 10,000 บาท จึงเข้าซื้อ Put Option ที่ราคาใช้สิทธิ์ 100 บาท หมดอายุใน 3 เดือน (สมมุติ อัตรา 1 สัญญา ต่อ 100 หุ้น อิงตาม US) เป็นจำนวน 1 สัญญา เท่ากับว่า คุณได้ขายซื้อสิทธิ์ในการขายหุ้น A ที่ราคา 100 บาท เอาไว้แล้ว
หากหุ้น A ลงไป 90 บาท ลดลงไป 10 บาท
มูลค่า Put Option นี้ควรจะขึ้น 10 บาท โดยประมาณ เพราะว่ากระดาษใบนี้เขียนเอาไว้ว่า ขายที่ราคา 100 แต่ตอนนี้ 90 บาท เกิดส่วนต่าง 10 บาทชัดเจน
ซึ่งแน่นอน ก็คล้าย call option คือ ของดีขนาดนี้มันไม่ฟรี มันมีค่าต๋ง ที่เราเรียกกันว่า premium
ในกรณีแบบนี้ ต๋งหรือต้นทุนอาจจะอยู่ที่ 5 บาท ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย แต่คุณอาจจะเห็นมันขึ้นจาก 5 ไป 13 14 หรืออาจจะ 16 เลยก็ได้ (ขึ้นกับ the greeks (เป็นเรื่องขั้น Advance ที่เราจะทยอยเล่าให้ฟังทีหลัง))
ดังนั้นหากเราถือหุ้น A และถือ Put option สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ
หุ้น A เหลือ 90*100 = 9,000 บาท
Put Option ราคาทุน 5*100 = 500 บาท สมมติว่าขึ้นเป็น 1500 บาท
ได้กำไร = 1000 จะเห็นว่าเงินคุณ ไม่ได้ลดลงเลย
และเมื่อใดก็ตามที่อยากหยุด hedge ความเสี่ยง ก็สามารถ ขาย Put Option นี้ทิ้งไป
หากต้องการขายครึ่งนึง ก็ คำนวน แล้วซื้อ Put Option แค่ครึ่งเดียวแทน
แต่ในความเป็นจริงนั้น ซับซ้อนกว่าเนื้อเรื่องนี้ค่อนข้างมากครับ มี delta hedge, gamma hedge ด้วย หากต้องการให้เป๊ะ และต้องคำนวนเรื่องของ เวลา time decay และค่าความผันผวน ซึ่งแนะนำให้ศึกษาให้ดีๆก่อนครับ
ตัวอย่างการใช้งาน Put Option
- ซื้อ Put ดัชนีมันตรงๆไปเลย
ถ้าต้องการ Hedge แบบง่ายๆเลยก็คือ ถ้าเรามีมุมมองว่าตลาดหุ้นกำลังจะตกเราก้ซื้อสัญญา Put option SPY(S&P 500) ตรงๆไปเลยง่ายดีครับ เช่น ถ้าเราถือหุ้นอยู่ 70% ของพอร์ต ก็กดซื้อสัญญา Put SPY ที่ at the Money หรือ strike price ราคาตลาด ใน Exposure ที่เท่ากัน
เช่น พอร์ตเรา 1 ล้านเหรียญ ถือหุ้น 70% = 7 แสนเหรียญ ถ้าเราต้องการ Hedge พอร์ตด้วย Exposure ที่เท่ากัน เราต้องซื้อ Put Option SPY ที่ Strike Price $443 จำนวน 16 สัญญา
วิธีคำนวณคือ Strike Price $443 * 100 = 44,300 ต่อสัญญา ต้องการ cover 700,000 เหรียญ
700,000 / 44,300 = ~16 สัญญา
- ซื้อ Put หุ้นที่ถือไปก็ง่ายดี
ถ้าเราถือหุ้น Apple อยู่ 100 หุ้น ด้วยทุน $170 (ปัจจุบันราคา $190) แล้วเรามองว่าบริษัทยังน่าสนใจอยู่ แต่ตลาดจะถล่ม หรือมีข่าวที่ทำให้หุ้นตกในระยะสั้น เราก็ซื้อสัญญา Put option หุ้น Apple ไว้เพื่อ Hedge เลย
เช่น ซื้อสัญญา Put ที่ Strike Price ($190) ด้วย Premium $6 จำนวน 100 หุ้นเหมือนกัน ในเคสที่ถ้าราคาหุ้น Apple ร่วงจาก $190 เป็น $160 ซึ่งปกติถ้าถือหุ้นอย่างเดียว จากที่เรากำไรอยู่ $20 (+$2000) จะกลายเป็นขาดทุน -$10 (-$1000) แทน
ทีเด็ดของ Put option อยู่ตรงนี้คือ เมื่อราคาหุ้นตกเหลือ $160 ในวันหมดอายุสัญญา เราจะได้กำไร $24 หรือ $2400 ทำให้เรายังรักษากำไรจากการถือหุ้นในตอนแรกเอาไว้ได้
(แต่ข้อเสียคือ ถ้าเราถือผิดทาง จะทำให้กำไรที่เราควรจะได้น้อยลง จึงต้องจับจังหวะตลาดให้ดีด้วย)
.
นี้แหละคือกลยุทธ์ Buy and Hedge
.
BottomLiner