จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งครั้งใหม่ใน EU ?! ฝรั่งเศสประท้วงเผารถเผาเมือง นำไปสู่จุดไหนได้บ้าง ?
ในโพสต์นี้เราจะไม่ได้โฟกัสที่สถานการณ์การประท้วงในปัจจุบันเป็นหลัก แต่เราจะมาวิเคราะห์ว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร และเหตุการณ์ดังกล่าวจะนำฝรั่งเศส (รวมถึงยุโรป) ไปในทิศทางไหน
.
#สถานการณ์ปัจจุบันสั้นๆ
ฝรั่งเศสวันนี้ยังหน้าเป็นห่วง เกิดเหตุประท้วงทั่วประเทศ หลังจากประธานาธิปดี Emmanuel Macron มีแนวคิดที่จะปฏิรูประบบสวัสดิการหลังเกษียณอย่างเร่งด่วน ซึ่งก่อนหน้านี้ประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงในสภามาตลอด และ การปฏิรูปก็ไม่เคยผ่านความเห็นชอบจากสภา
เหตุการณ์ตึงเครียดเกิดขึ้นเมื่อประธานาธิปดี Macron ใช้อำนาจในการร่างการปฏิรูประบบบำนาญโดยไม่ผ่านร่างสภา (พยายามออกคำสั่งให้ได้โดยข้ามหน้าที่ของสภาไป) ทั้งนี้จะเกิดการลดสวัสดิการของคนทั้งประเทศซึ่งรวมถึงการเพิ่มอายุในการเกษียณจาก 62 เป็น 64 ปี
.
ผู้คนร่วมล้านชีวิตเข้าร่วมการประท้วงที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งได้รับการขนานนามว่า “Black Thursday”
ในขณะที่กรุงปารีสเอง มีผู้เข้าร่วมการประท้วงประมาณ 120,000 ราย
.
มีความรุนแรงเกิดขึ้น ทำให้เกิดการจับกุมผู้ก่อเหตุ 475 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ร่วมประท้วงหลายร้อยชีวิต ศาลากลางของบอร์โดซ์โดนเผา นอกจากนี้การประท้วงยังได้ขัดขวางบริการสาธารณะทั้งหลายทั้ง น้ำมัน แก๊ส
ผู้ที่เสียผลประโยชน์เกิดคำถามต่อการใช้จ่ายของรัฐบาล เช่น ทำไมมีเงินไปช่วยเหลือการเกิด Bankrun สามารถส่งเงินช่วยเหลือยูเครนได้ แต่ทำไมกลับบอกว่าไม่มีเงินช่วยเหลือผู้เกษียณอายุ หรือทำไม
.
#ต้นต่อของปัญหา
ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีสวัสดิการหลังเกษียณที่ดีต้น ๆ ของโลก
จากข้อมูลของ Mercer CFA Institute Global Pension Index ปี 2022
พบว่าฝรั่งเศสให้สวัสดิการประชาชนที่มากเป็นอันดับ 3 ของโลก
(เป็นรองแค่ไอซ์แลนด์ และ เนเธอร์แลนด์) แต่เกรดระบบสวัสดิการหลังเกษียณโดยรวมของฝรั่งเศสกับอยู่ที่ C+ เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำมากหากเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วในยุโรป
ทั้งนี้ส่วนที่กดคะแนนของฝรั่งเศสคือ ความมั่นคงของสวัสดิการ เนื่องจากระบบสวัสดิการของฝรั่งเศส
นั้นมีปัญหาเสี่ยงขาดดุลมาอย่างต่อเนื่อง และหากไม่เกิดการปฏิรูปกองทุนเกษียณของฝรั่งเศสจะเริ่มขาดดุลในไม่กี่ปีข้างหน้า สุดท้ายอาจล้มได้.
ซึ่งปัญหาดังกล่าวถูกเร่งตัวขึ้นหลังจากกองทุนบำนาญทั่วยุโรปขาดทุนอย่างรุนแรงจากการลงทุนในตราสารหนี้ นำมาซึ่งการแห่ถอนเงินก่อนเวลาที่ควร และทำให้กองทุนบำนาญขาดสภาพคล่อง
.
ประเทศที่น่ากังวลและน่าจะเกิดปัญหาใกล้เคียงกันตามมาต่อจากนีคือประเทศสมาชิกกลุ่ม PIIGS
(โปรตุเกส, อิตาลี, ไอร์แลนด์, กรีซและสเปน)
ซึ่งเป็นกลุ่มสมาชิกยุโรปที่มีปัญหาหนี้สูง ความมั่นคงทางการเงินและเศรษฐกิจต่ำ
.
หากมองอีกมุม การพยายามแก้ไขปัญหาของ Macron นั้นเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว เพื่อความยั่งยืนของประเทศในระยะยาว เพราะหากไม่ทำสุดท้ายเงินของกองทุนบำนาญจะหมดลงในไม่กี่ปีข้างหน้าและจะตามมาด้วยปัญหาที่ใหญ่กว่า แต่การกระทำดังกล่าวนั้นจะเป็นการขัดผลประโยชน์โดยตรงต่อผู้เกษียณอายุและใกล้เกษียณอายุจากการถูกลดสวัสดิการ และขยายเวลาในการเกษียณทำให้ต้องทำงานนานขึ้นก่อนสามารถเกษียณได้
.
สิ่งที่จะเกิดขึ้นสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางขั้วการเมือง
ทำให้รัฐบาลของ Macron มีคะแนนความนิยมที่ลดลง
ในขณะเดียวกันฝ่ายค้านจะมีคะแนนความนิยมที่มากขึ้น (รัฐบาลฝั่งขวา)
ซึ่งรัฐบาลฝ่ายค้านนั้นมีนโยบายที่ชัดเจนในการพาฝรั่งเศสออกจากสหภาพยุโรป
นั้นหมายความว่ายุโรปมีโอกาสแตกเป็นเสี่ยง ๆ เพิ่มขึ้นอีก
หลังจากความเปราะบางและความเห็นต่างจากความขัดแย้งของยูเครน-รัสเซีย
ซึ่งประเทศที่มีความสามารถดูแลตัวเองได้ก็จะพยายามออกจากสหภาพยุโรปอย่างที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในอังกฤษ ซึ่งทั้งหมดจะทำให้ประเทศสมาชิกที่มีความเปราะบางเศรษฐกิจมีความเสี่ยงมากขึ้น
.
#แนวทางการแก้ไขปัญหา
จากมุมมองของเรา
มีแนวโน้มว่ารัฐบาลของ Macron จะต้องเริ่มเจรจาเพื่อหาตรงกลางของทั้ง 2 กลุ่ม คือกลุ่มคนวัยทำงานที่เห็นชอบกับการลดสวัสดิการเพื่อให้สวัสดิการมั่นคงสูงขึ้นและเพียงพอกับอนาคตของพวกเขา และกลุ่มคนสูงอายุที่กำลังได้รับผลประโยชน์ของสวัสดิการเดิม รวมถึงการหาวิธีให้ผลประโยชน์ทางสวัสดิการทางอื่นเป็นการชดเชย และยืดระยะเวลาก่อนที่กฏหมายปฏิรูปดังกล่าวจะมีผล
.
ทั้งนี้ทางที่เป็นไปได้ที่สุดคือ การเพิ่มภาษีเพื่อนำมาชดเชยการขาดดุล (เดิมทีเพิ่มมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว)
.
ซึ่งการเพิ่มภาษีจะนำไปสู่การลดความน่าดึงดูดใจของแรงงานที่จะเข้ามาทำงาน รวมถึงการลงทุนของบริษัทต่าง ๆ
เสี่ยงเกิดภาวะสมองไหล (brain drain) ซึ่งทำให้แรงงานที่มีความสามารถในประเทศหนีออกไปอาศัยในประเทศที่ให้สวัสดิการดีใกล้เคียงแต่มีการจ่ายภาษีในอัตราที่ต่ำกว่า รวมถึงเหล่านายทุนที่จะดึงเงินออกไปยังประเทศที่อัตราภาษีต่ำกว่า
.
การเพิ่มภาษีจะรวมถึงการลดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทต่าง ๆ ต้นทุนที่สูงขึ้นจะทำให้กำไรในบริษัทต่าง ๆ น้อยลง ลดการลงทุนและ อาจนำไปสู่เศรษฐกิจที่เติบโตช้าลงด้วย
.
ซึ่งปัญหาดังกล่าวดูจะเป็นปัญหาที่สุดท้ายจะต้องมีคนเจ็บตัวและเสียผลประโยชน์ไม่ทางใดทางหนึ่ง
.
ในขณะเดียวกันทุกวิกฤตมีโอกาส ปัญหาที่เกิดขึ้นในยุโรปจะทำให้ประเทศทวีปอื่นที่มีความแข็งแรงทางเศรษฐกิจ ระบบภาษี และระบบบำนาญ ได้รับเงินทุนที่ไหลออกมาจากยุโรป
.
BottomLiner