ทำไมต้องใช้ทองเป็นหลักประกันเงินที่เราใช้กันอยู่
ก่อนอื่นอยากให้ทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อนว่าโลกนี้ซื้อ/ขาย แลกเปลี่ยน กันด้วยระบบอะไรบ้าง
.
1. Hard Money หรือการแลกเปลี่ยนที่ผูกกับ Commodities ตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามีหลากหลายมาก แต่ Concept คือเหมือนกัน ใช้สินค้าโภคภัณฑ์หรือทรัพยากรธรรมชาติในการแลกเปลี่ยน มีตั้งแต่ ทอง เงิน ทองแดง ไปจนถึงอิฐที่ใช้ในการสร้างบ้านเมืองก็เคยถูกใช้ในระบบนี้ หรือเราอาจจะเห็นการแลกสินค้ากันโดยตรงอยู่ในรูปแบบนี้เช่นกัน ยกตัวอย่าง เอาเกลือ 10 กก. ไปแลกข้าว 1 กก. เป็นต้น
2. Relative Money / Claims on Hard Money
ระบบนี้รู้จักกันในชื่อ “Linked Currency System” หรือที่เราเคยได้ยินคุ้นหูกันคือ Gold Standard / Silver Standard ซึ่งพัฒนาจากการนำตัวกลาง Hard Money ไปฝากไว้ที่สถาบันสักอย่างที่คนไว้ใน ในอดีตอาจเป็นวัดสักแห่ง แต่ปัจจุบันก็คือสิ่งที่เราเรียกว่า “ธนาคารกลาง” แล้วสร้างเงินกระดาษขึ้นมาเพื่อใช้แลกเปลี่ยนแทนตัวกลางที่ฝากไว้กับสถาบัน ซึ่งระบบเครดิตถูกคิดค้นขึ้นได้ จากการแลกเปลี่ยนในระบบนี้ ข้อดีคือ สามารถเพิ่มการไหลเวียนเงินในระบบได้มากกว่าใช้ Hard Money ตรง ๆ หรือการแลกเปลี่ยนสินค้า เพราะเงินกระดาษสามารถพกพาง่าย แลกเปลี่ยนคล่องตัวกว่าเยอะ
แต่ก็จะมีข้อจำกัด อยู่ที่การเพิ่มปริมาณเงินในระบบนั้นจะเป็นไปตามที่อ้างอิงกับ Hard Money หรือทรัพย์สินที่ฝากไว้กับสถาบัน ทำให้ในภาวะวิกฤติหนี้ต่าง ๆ ไม่สามารถเพิ่มเงินในระบบได้ตามต้องการ
3. Fiat Money
หรือระบบเงินกระดาษที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะไม่มีทอง หรือระบบ Hard Money ใด ๆ มาเกี่ยวข้องด้วยอีกต่อไป ธนาคารกลางหรือรัฐบาลสามารถพิมพ์เงินเท่าไหร่ก็ได้ตามใจต้องการ เพราะเมื่อระบบที่ 2 ใช้งานไปได้ซักระยะ ผ่านวิกฤตหนี้ต่าง ๆ ผู้กำหนดนโยบายจะไม่สามารถอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบได้เพิ่ม หากต้องการอัดฉีดเพิ่มก็ต้องปลดล็อคการผูกกับทอง ทำให้เกิดเป็นระบบเงิน Fiat ขึ้นมา นั้นทำให้ตัวมันเองถูกลดค่าลงเรื่อย ๆ ตามปริมาณเงินในระบบที่มากขึ้น มองอีกแบบก็ได้ว่าเงิน Fiat จะด้อยค่าลงเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับ Hard Money หรือที่คนทั่วไปจะรู้สึกจากการที่สินค้าต่าง ๆ แพงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป
ส่วนที่เราจะ focus กันวันนี้จะเป็นในส่วนที่ 2 หรือ Relative Money
ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่มีการใช้กันแล้วหลังเกิดเหตุการณ์ Nixon Shock ในปี 1971 ซึ่งเป็นช่วงที่ US ยกเลิกการผูกค่าเงินกับทองคำ (ถ้าอยากอ่านเพิ่มเติม Search ว่า Bretton Wood System ในช่องของเราได้เลย)
แล้วถ้าไม่มีการใช้กันแล้ว เราจะมาเรียนรู้กันทำไม?
เพราะในอดีตที่ผ่านมามีโอกาสที่จะกลับไปใช้ Relative Money ได้ หากเกิดปัญหาจากสกุลเงิน Fiat ทั่วโลก จนไม่สามารถใช้ระบบเดิมได้อีกต่อไป ก็อาจมีการพัฒนาเป็นระบบอื่น ๆ หรือกลับไปใช้ Relative Money ได้
คำถามคือ แล้วทำไมถึงต้องเป็น Gold Standard เราสามารถใช้อย่างอื่นแทนได้ไหม ?
จริง ๆ คำตอบคือได้ แต่ในอดีตที่ผ่านมาทองคำทำหน้าที่ได้ดีที่สุด
(1) เนื่องจากทองคำไม่ทำปฏิกริยา ทำให้เมื่อเก็บรักษาไว้จะไม่เป็นสนิมหรือเสื่อมคุณภาพ ต่างจากโลหะอื่น ๆ เช่นเงิน หรือทองแดง
(2). ทองคำมีประวัติศาสตร์ที่ใช้ในการเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนมามากกว่าพันปีจึงทำให้เป็นที่ยอมรับในการแลกเปลี่ยน และเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งในพิธีกรรมและวัฒนธรรมต่าง ๆ ทั่วโลก เพราะถ้าคิดจากข้อ (1) อย่างเดียวก็จะมีโลหะอีกชนิดคือ แพลทินัม
ที่เข้าเงื่อนไข แต่ platinum ไม่มีประวัติศาสตร์การแลกเปลี่ยนทั่วโลก และไม่ได้พบทุกพื้นที่ ทำให้ไม่เป็นที่ยอมรับวงกว้าง
(3) นอกจากนี้ทองคำยังมีสีและลักษณะที่แยกออกจากโลหะอื่นได้ง่าย ถ้าเป็นแพตตินัมจะเป็นการยากต่อการพิสูจน์และอาจสับสนกันกับโลหะอื่น ๆ เช่นเงิน อีกทั้งยังแปรรูปได้ง่ายกว่า Platinum จากจุดหลอมเหลวที่ต่ำกว่า ทำให้เหมาะกับการเคลื่อนย้ายกว่าด้วย
(4) มี Supply ไม่มาก ถ้าจากข้อ (2) จริง ๆ มีการใช้สิ่งอื่นคู่ไปกับทองด้วย เช่น เงิน และ ทองแดง
ยกตัวอย่างในศตวรรษที่ 19 ที่อังกฤษก็ยังมีการใช้ Gold / Silver Standard (Bimetallism) คู่กันไปจนกระทั่งมีคนนำเงินมาฝากจำนวนมาก พอ Supply มากขึ้น คุณค่าของมันในการเป็นเงินสำรองก็หายไป สุดท้าย Silver Standard ก็ได้รับความนิยมน้อยลง
(5) มี Demand ในการใช้ในอุตสาหกรรมที่จำกัด เพราะในศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมามีการใช้ แพลทินัม เงินและ ทองแดง เข้าเป็นส่วนประกอบของสินค้าอุตสาหกรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และ Seminconductor ทำให้หากนำไปใช้เป็นตัวกลางจริง จะไม่ได้รับความเชื่อถือในสถานะการเป็นเงินสำรองเท่าที่ควร
ด้วยเหตุผลทั้ง 5 ข้อก็เลยทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมายังไม่มีอะไรมาทดแทนทองคำได้
แต่ทองคำก็มีข้อเสีย เพราะยากต่อการขนย้ายไปในที่ต่าง ๆ ซึ่งทำให้เป็นเป้าต่อการโจมตีของศัตรูหรือผู้ไม่หวังดี ในกรณีต้องการโจมตีประเทศได้
พอมาถึงตรงนี้ก็เลยเป็นที่มาของการกาวว่าสิ่งที่พอตรงคุณสมบัติแถม สามารถเคลื่อนย้ายไปมา และโจมตีได้ยากคือ BTC ซึ่งข้อเดียวเท่านั้นที่ไม่ตรงคือ BTC มีประวัติที่สั้นมาก และไม่เคยมีอยู่ในวัฒนธรรมใด ๆ มาก่อน รวมถึงมีความเสี่ยงในการต้องการโคงสร้างพื้นฐานและระบบอินเตอร์เน็ตในการเก็บรักษา กลายเป็นการเพิ่มความสี่ยงใหม่ ๆ เข้ามา
ทำให้ปัจจุบันไม่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ลองนึกตามว่าถ้าทำทองคำ กับ BTC ไปให้ประเทศที่ยังไม่สามารถเข้าถึง internet ที่ดี คิดว่าเราน่าจะตอบไม่ยากครับว่าประเทศเหล่านั้นจะเลือกอะไร
BottomLiner