ย้อนรอยหายนะ วิกฤต Chernobyl อุบัติเหตุจากกัมมันตรังสีที่โลกลืมไม่ลง
ความกังวลในเช้าเมื่อวานจากเหตุไฟไหม้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เมือง Zaporizhzhia (ซาปอริฌเฌีย จะอ่านยากไปไหน) แม้จะสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว
แต่เหตุการณ์ดังกล่าว น่าจะสร้างคำถามถึงอันตรายของนิวเคลียร์และผลกระทบหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นในหัวของใครหลาย ๆ คน
.
บทความนี้ BottomLiner จะพาทุกคนไปย้อนไปดูเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Chernobly ในปี 1986
ซึ่งเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดในโลกทั้งแง่ค่าใช้จ่าย และผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต
.
โรงไฟฟ้า (อำเภอ) Chernobyl หรือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Vladimir Lenin เป็นโรงไฟฟ้า Nuclear ที่ใหญ่ที่สุดในสหภาพโซเวียตในยุคนั้น ตั้งอยู่ในเมือง เคียฟ ทางตอนเหนือของยูเครน เริ่มเปิดใช้งานในปี 1977
.
มีเตาปฏิกรณ์ทั้งหมด 4 เตา การก่อสร้างเป็นไปอย่างเร่งรีบจากความต้องการของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่ต้องการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ จนขาดการตรวจสอบอย่างละเอียดในระบบสำคัญหลายอย่าง โดยเฉพาะ ระบบไฟฟ้าสำรองของระบบหล่อเย็นในภาวะฉุกเฉินและการปิดเตาฉุกเฉิน
.
นอกจากนี้เตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้า Chernobyl ยังเป็นเตาเทคโนโลยีแบบเก่า ที่เมื่อใส่น้ำเข้าไปมาก ๆ จะทำให้เกิดแรงดันจากไอน้ำและอุณหภูมิสะสมในเตาเป็นของแถม (positive scram)
.
การระเบิดเกิดขึ้นบนเตาปฏิกรณ์ที่ 4 ซึ่งยูเรเนียมที่ใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้าใกล้หมดพลังงานแล้ว
ฟังดูเหมือนจะอันตรายน้อยลง แต่ไม่ใช่เลย เพราะกัมมันตรังสีจะปล่อยความร้อนจากการสลายตัวมากที่สุดในช่วงนี้
.
การระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Chernobyl นั้น มีสาเหตุหลัก ๆ 2 อย่างด้วยกัน
1. คือการออกแบบที่ผิดพลาด (ระบบไม่ได้ดีพอในสถานการฉุกเฉิน ซึ่งเกิดจากความเร่งรีบ)
2. ความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน
.
ระบบของเตาปฏิกรณ์ใน Chernobly นั้น ก่อนจะปิดเตาจะต้องลดพลังงานนิวเคลียร์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
โดยต้องเตรียมการอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่สุด เพราะจะต้องควบคุมระบบน้ำ และอุณหภูมิที่สูงขึ้นระหว่างลดพลังงานให้อยู่ในภาวะสมดุลตลอดเวลา
หากลดเร็วไปจะทำให้เกิดความร้อนและแรงดันส่วนเกิดสะสม
.
ซึ่งจริงๆแล้ว เจ้าเตาหมายเลข 4 ที่เกิดปัญหา เดิมทีมีกำหนดการให้เริ่มปิดเตาในช่วงเช้ามืดวันเกิดเหตุ
โดยมีเจ้าหน้าที่กะกลางวัน ซึ่งเป็นวิศวกรที่ได้รับการฝึกฝน มีความรู้อย่างดีเป็นฝ่ายรับผิดชอบ
.
แต่ !! ขณะกำลังลดพลังงานลงเรื่อย ๆ เพื่อเตรียมปิดเตา ..
สถานีไฟฟ้าของเคียฟเกิดไฟดับขึ้นมา
เจ้าหน้าที่จึงเลื่อนการทำงานออกไปก่อน
.
กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยให้พร้อมทำงานต่อก็ราว ๆ 5 ทุ่ม
ซึ่งเจ้าหน้าที่กะกลางวันที่มีความรู้ได้กลับไปหมดแล้ว
.
เหลือแต่เจ้าหน้าที่กะกลางคืนที่โดยปกติจะทำหน้าที่แค่เดินเครื่องหล่อเย็น จัดการงานทั่วไป
.
เจ้าหน้าที่ควบคุมกะดึกเกิดทำงานผิดพลาดทำให้พลังงานลดลงเร็วเกินไป ส่งผลให้เกิดสารพิษ (Xenon-135) ขึ้น
ซึ่งรบกวนการเกิดปฏิกริยานิวเคลียร์และทำให้การลดพลังงานนั้นเกิดอย่างรวดเร็ว และเป็นไปอย่างยากลำบาก
เพื่อแก้สถานการณ์เจ้าหน้าที่ดึงตัวควบคุมอุณหภูมิออก เปิดระบบหล่อเย็นฉุกเฉิน เพิ่มอัตราไหลเวียนของน้ำเข้าไป เพื่อหวังให้พลังงานกลับมาคงที่
.
แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้นเมื่อน้ำระบบฉุกเฉินที่มากกว่าสภาวะปกติกลายเป็นไอน้ำ สร้างแรงดันและความร้อนสะสมจนน้ำใกล้จุดเดือด
และระบบช่วยเหลือ ตัดการทำงานฉุกเฉินก็ไม่ทำงาน
.
เมื่อกดปุ่มปิดเตา แรงดันและอุณหภูมิมหาศาลทำให้แกนเตาร้อนเกิน แท่งเชื้อเพลิงยูเรเนียมเกิดการฉีกขาด และไม่สามารถควบคุมเตาได้อีกต่อไป
น้ำหล่อเย็นระเหยกลายเป็นไอน้ำฉับพลัน
พลังงานขึ้นไปสูงกว่าระดับปกติถึง 10 เท่า!
แรงดันมหาศาลระเบิดออกดันฝาปิดเตาหนัก 2,000 ตันออกได้ และทำให้สารกัมมันตรังสีพวยพุ่งออกสู่ชั้นบรรยากาศ
ตามมาด้วยการระเบิดครั้งที่ 2 จากนิวเคลียร์ภายในแกนเตา
(เหมือนระเบิดนิวเคลียร์แต่เบากว่า)
การระเบิดส่งผลให้กัมมันตรังสีกระจายไกลในรัศมี 10 กม.อย่างรวดเร็ว เกิดไฟไหม้เตาปฏิกรณ์ที่เต็มไปกัมมันตรังสีร่วมสัปดาห์ ต้องใช้เจ้าหน้าที่ใส่ชุดกันกัมมันตรังสีเพื่อเข้าดับเพลิง คู่ไปกับปล่อยสารควบคุมกัมมันตรังสีทางเฮลิคอปเตอร์
.
เจ้าหน้าที่ยังต้องดำน้ำที่เข้มข้นด้วยกัมมันตรังสีเข้าไปเปิดระบบระบายเพื่อกันไอน้ำระเบิดซ้ำ
พร้อมทั้งระดมคนงานไล่เก็บสารกัมมันตรังสีที่กระจายออกมา
.
และเวลาผ่านไปแค่ 1 สัปดาห์ กัมมันตรังสีกระจายในทั่วพื้นที่รัศมี 35 กม.
และปกคลุมทั่วทั้งตะวันตกของสหภาพโซเวียต ยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันตก ยุโรปเหนือในท้ายที่สุด
ทำให้ต้องมีผู้อพยพกว่า 336,431 คน
.
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 31 คน เป็นมะเร็งจากการสัมผัสกัมมันตรังสีร่วม 4,000 คน เกิดการกลายพันธุ์ในพืชและสัตว์บริเวณดังกล่าวจำนวนมาก
ส่งผลกระทบต่อประชาชนร่วม 500,000 คนและค่าใช้จ่ายประมาณ 18,000 ล้านรูเบิ้ล และใช้เวลาร่วม 30 ปีในการฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับมาคล้ายเดิม
.
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนฝันร้ายที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีกแล้ว
ถ้าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporizhzhia เกิดการระเบิดขึ้นมาผลกระทบจะรุนแรงกว่า ที่เกิดขึ้นที่ Chernobyl มากเกินกว่าจะจินตนาการได้
โดยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporizhzhia มีขนาดการผลิตไฟ 5.7 MW ในขณะที่โรงไฟฟ้า Chernobyl มีขนาดการผลิตไฟ 1MW
.
มีการขู่ว่าผลกระทบจะรุนแรงกว่า Chernobyl ถึง 10 เท่า
.. แต่ทางการก็ปลอบขวัญประชาชนว่า จะไม่รุนแรงขนาดนั้น ด้วยเหตุผลเชิงโครงสร้างและเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า
.
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างของโรงไฟฟ้า Zaporizhzhia จะถูกออกแบบมาให้รองรับการโจมตีทางอากาศได้ แต่ใคร ๆ ก็กลัวถ้ามันมีโดนโจมตีจนระเบิดจริง ๆ
.
ปัจจุบัน ยูเครนมีการผลิตไฟฟ้าจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งหมด 15 เตา ใน 4 เมืองทั่วประเทศ และที่เมือง Zaporizhzhia มีขนาดใหญ่สุดมีจำนวนทั้งสิ้น 6 เตา
.
แค่นึกถึงผลกระทบก็ได้แต่ภาวนาให้สงครามสิ้นสุดลงโดยเร็ว ทุกคนปลอดภัย รวมถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหลายของยูเครนด้วย
.
BottomLiner