สรุป Kick or Keep: Intel กรณีศึกษา หุ้นเทคที่พ่ายแพ้จะกลับมาได้จริงหรือ
======
สำหรับโพสต์นี้เป็นแค่สรุปคร่าว ๆ จากรายการ Kick or Keep เท่านั้นนะครับ สาระแบบเต็ม ๆ และความสนุกของรายการนี่ ต้องดูในนี้เท่านั้น
https://www.facebook.com/bottomlinerglobal/videos/1698226770680053
.
Intel ปัจจุบันอยู่ในศึกรอบด้านทั้ง CPU, GPU และ FPGA
ปัจจุบัน Intel มุ่งให้ความสำคัญที่สุด บนส่วน Foundry ซึ่งเป็นส่วนที่รับจ้างผลิต Chip
โดยช่วงที่ผ่านมา Intel รายได้หดตัวจากส่วน PC และ Data Center ซึ่งเป็นรายได้หลัก
.
โดย GPU และ CPU ของ Intel แม้จะสู้ไม่ได้ในส่วนของ AI แต่ว่า Intel ทำได้ดีกว่าในส่วนของ การประมวลผลวิดีโอ
จากการใช้ Software ซึ่งใช้ทั้ง CPU และ GPU ทำงานร่วมกัน
.
โดยสรุปเหตุการณ์ที่เกิดจาก Intel
-2008 เป็นจุดเริ่มต้นที่ AMD แยกทางกับ Globalfoundries หันไปพึ่งพา TSMC มากขึ้น ในขณะที่ Intel ตัดสินใจที่จะทำเองต่อทั้งออกแบบและผลิตเอง
– 2015 เป็นปีแรกที่ Intel ไม่สามารถผลิตชิพรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าคู่แข่งได้ ซึ่งเดิมที Intel จะทำการลดขนาดของทรานซิสเตอร์บนชิพลงทุก 2 ปี แต่หลังจากปี 2016 ไป การลดขนาดทรานซิสเตอร์ของ Intel นั้นทำได้ช้ากว่าคู่แข่งมาก แต่ Intel ก็ยังแน่นอนใจเนื่องจากเป็นเจ้าตลาด
– 2016 AMD ได้ CEO ใหม่ หันไปพึ่งพา TSMC แบบเต็มตัว พร้อมกับออก Ryzen ซึ่งเป็นใช้หน่วยหลาย ๆ หน่วย (Core) หรือที่เรียกว่า Multicore บน CPU มาทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าการทำงานแบบ Single Core แบบ Intel ทำให้ สินค้าของ AMD ถูกกว่า แถมดีกว่า Intel อีกด้วย
– 2018 Intel ตัดสินใจตัดราคาลงมาสู้ AMD แต่ด้วยความสามารถในการผลิตของ TSMC ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า Intel ทำให้การตัดราคาของ Intel นั้นเจ็บตัวอย่างหนัก เนื่องจากสู้ต้นทุนไม่ได้ แถมกำไรที่เคยได้เยอะ ๆ ก็ไม่ได้อีกต่อไป
– 2020 การปิดเมืองทำให้คนกลับมาซื้อ PC อีกครั้ง ในขณะที่ Intel ประกาศยอมแพ้ในด้าน Foundry และใช้ TSMC ในการผลิตแทน และหันไปโฟกัสที่การออกแบบ
Intel เริ่มกลับมาทำตามแผนของตัวเองได้มากขึ้น หลังจาก ใช้ TSMC ในการผลิตแทน
ในขณะที่ฝั่ง Data Center นั้น Intel เริ่มดึงส่วนแบ่งตลาดคืนมาได้
โดยเริ่มออกแบบสถาปัตยกรรมคล้าย ๆ กับ ARM ซึ่งเป็นการแยกหน้าที่ของ Core ระหว่าง Core ที่ทำงานยาก ๆ และ ทำงานง่าย ๆ อื่น ๆ ให้ อีกทั้ง เพิ่มความเร็วในการอ่านข้อมูลมากขึ้น
ในขณะที่ทุกอย่างกำลังดูดีขึ้นเรื่อย ๆ และไปได้อย่างถูกทาง แต่ Intel ประกาศลงทุนใน Foundry $100B เพื่อกลับมารับจ้างผลิตแแข่งกับ TSMC ในขณะที่ Intel ยังไม่มีบริษัทใดที่เป็นลูกค้าชัดเจน เนื่องจากทุกคนเป็นลูกค้า TSMC อยู่แล้ว ประกอบกับ Intel นั้นมีแบรนด์ของตัวเองด้วยทำให้ลูกค้าเจ้าใหญ่ที่เป็นคู่แข่งกับ Intel อย่าง AMD/ Nvidia ไม่ใช้งาน Intel แน่นอน ทำให้โรงงานใหม่เป็นการสร้างไปก่อน หาลูกค้าที่หลัง
ที่พอจะเป็นลูกค้าได้คือ Qualcomm เนื่องจาก Intel ไม่มีผลิตภัณฑ์ในมือถือ
ในขณะที่งบสนับสนุนจากรัฐบาล คู่แข่งอย่าง TSMC ก็ได้เช่นกัน เนื่องจากสหรัฐอยากมีอิทธิพลเหนือไต้หวัน
ในขณะที่หุ้นชิพ ปีนี้ที่วิ่งขึ้นมาด้วยเพราะกลุ่ม AI
บริษัทต่าง ๆ ลงทุนใน AI สูงมาก ในขณะที่ Intel นั้น แทบไม่ได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้เลย
ในส่วนของ Mobileye ซึ่งเซนเซอร์ และระบบ semiconductor เพื่อทำ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัตินั้น แบกความคาดหวังที่สูงเกินไป อีกด้านในฝั่งของค่ายรถยนต์มีเทรนด์ในการผลิตส่วนนี้กันเองมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากกลัวว่าจะถูกผูกขาดในอนาคต
แม้ว่าภาพรวจจะยังดูไม่ค่อยดี แต่ตอนจบรายการออกมาอย่างผิดคาด เพราะมีคน Keep 2 และ Kick 1 คน
สาเหตุที่คุณแน็ตกับอ๊อกกี้ เลือก Keep เพราะมองว่า Intel เริ่มมาถูกทาง เก็บส่วนแบ่งตลาดคืนจาก AMD ได้ด้วย ในขณะที่ Product ต่าง ๆ ก็ดูมีแนวโน้มดีขึ้น ถ้าจะดูไม่ค่อยดีคือส่วนของ Foundry ที่ Intel อยากไปรับจ้างผลิต แต่ว่าตลาดนี้มี TSMC ที่เก่งมาก ๆ ครองอยู่แล้ว ในขณะเดียวกัน Intel เป็นหุ้น Low Hope ที่ในขณะที่ตลาดปัจจุบันมีความเสี่ยงหลายอย่างที่จะเกิดการปรับฐาน หุ้นที่ Low Hope อย่าง Intel อาจไม่โดนผลกระทบมากนัก
ในขณะที่เฟื้องเลือก Kick เพราะไม่ชอบส่วนของ Foundry ซึ่งมองว่า จะทำให้ภาพของหุ้น Intel ไม่เปลี่ยนไปอีกสักระยะใหญ่เลยทีเดียว ขอรอดูอยู่ห่าง ๆ สักพักใหญ่ ๆ ก่อนดีกว่า
BottomLiner