อัพเดทมุมมองการจัดพอร์ต Energy Tech สไตล์ BottomLiner
จากข่าวของเศรษฐกิจทั่วโลกตอนนี้ออกมาดูเหมือนตลาดจะแย่ อย่างเช่น การที่ FED ออกมาประกาศว่าจะขึ้นดอกเบี้ยต่อเพื่อสู้กับเงินเฟ้อหลังการประชุม Jackson Hole
ทำให้ตลาดมีการคาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วเหมือนเดิม และอาจมากถึง 4% ในท้ายปี
.
โดย Bottomliner มองว่าทางเลือกของประธาน Powell ที่จะค้างดอกเบี้ยที่สูงให้นานกว่าที่คิดเพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อลงมาแล้วจริงๆเป็นตัวเลือกที่ดี โดยมองว่าเงินเฟ้อสหรัฐมีโอกาสลดลง เนื่องจากตลาดบ้านสหรัฐกลับตัวเป็นขาลง ราคาอาหารก็ลงแล้ว และราคาน้ำมันก็ทรงตัว ถือเป็นสัญญาณที่ดี
.
อย่างไรก็ตามการขึ้นดอกเบี้ยของ FED นั้นค่อนข้างมีผลต่อ Valuation ของตลาดหุ้น ยกตัวอย่างเช่นการแปรผันกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี ความหมายก็คือ ยิ่ง FED ขึ้นดอกเบี้ยสูง > Bond Yield สูงขึ้น > P/E ในตลาดจะลดลงนั้นเอง และเมื่อเรามาดูสภาวะตลาดในปัจจุบัน จากการที่ตลาดคาดการณ์กันว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยถึง 4% ในสิ้นปีจึงส่งผลให้ P/E ของหุ้นในตลาดน่าจะอยู่ในช่วง 16-18 เท่า
.
อีกเรื่องที่น่ากังวลคือ การขาดแคลนก๊าซธรรมชาติของ EU ที่ เป็นผลพวงมาจากสงครามระหว่าง รัสเซียและยูเครน เป็นการเริ่มต้นจากรัสเซียหยุดส่งก๊าซธรรมชาติให้ EU ผ่านท่อ Nord Stream เนื่องจากอ้างเหตุผลว่าต้องซ่อมบำรุงชิ้นส่วน Gas Turbine จนตอนนี้ท่อส่งนี้ก็หยุดส่งก๊าซทั้งหมดไป ส่งผลให้ EU เกิดปัญหาขาดแคลนอย่างหนัก
.
วิธีการแก้ปัญหาของ EU คือขอซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ผ่านทางเรือจากประเทศต่างๆ เช่น อเมริกา ซึ่งพอจะสามารถทดแทนกันได้ แต่ราคาจะแพงกว่า พร้อม EU มีแผนให้มีการกักตุนก๊าซในแต่ละประเทศให้ได้ถึงเป้าหมาย ก่อนที่จะเริ่มหน้าหนาวที่ต้องใช้ไฟฟ้าเยอะเป็นพิเศษเพื่อสร้างความอบอุ่นในภาคครัวเรือน จึงทำให้ต้นทุนค่าไฟแพงขึ้นมากและเงินเฟ้อก็พุ่งกลับมาเช่นกัน
.
แต่เมื่อไปดูสถานการณ์ปัจจุบันของ EU ตอนนี้ แม้ว่าราคาค่าไฟจะสูงขึ้นมาก แต่แผนการกักตุนก๊าซนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น และมีโอกาสสูงที่จะทำตามเป้าได้ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้
.
.
สถานการณ์ปัจจุบัน Bottomliner มองว่าควรจะเลือกลงทุนในกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากการผลักดันของภาครัฐ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานทางเลือก พลังงานสะอาด เนื่องจากก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นสูงจากการขาดแคลนน้ำมันที่ส่งออกจากรัสเซียหายไป ทำให้ผู้คนมองเห็นถึงความสำคัญของพลังงานทางเลือกมากขึ้น เช่น พลังงาน Solar, Wind Turbine เป็นต้น
.
ตัวอย่างเช่น รัฐบาลสหรัฐได้มีการอีดฉีดเงินให้ฝั่งคนที่ต้องการเปลี่ยนจากรถน้ำมันเป็นรถยนต์ EV จากการให้เครดิตทางภาษี 7,500 ดอลลาร์ หรือ การอัดเงินเข้าภาคการผลิตของพลังงานสะอาดเป็นต้น
.
สำหรับกลุ่มรถยนต์ EV นั้นถือสามารถมองเป็นการเติบโตในระยะยาวได้โดยเมื่อปี 2021 ยอดขายมีอยู่เพียง 6.6 ล้านคัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปถึง 36 ล้านคันใน 2030 ขณะเดียวกัน Semiconductor ที่เปลี่ยนจากรถน้ำมันเป็น รถยนต์ไฟฟ้าต้องใช้เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าต่อคัน รวมถึง battery lithium ที่มีความต้องการสูงที่มากกว่าโทรศัพท์ถึง 10,000 เท่า
.
โดยเมื่อเรามาดูธุรกิจในกลุ่มนี้ทั้ง Supply chain ตั้งแต่เหมือง Lithium, semiconductor, Battery, ผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด หรือ ผู้ผลิตรถยนต์ จะเห็นได้ว่ากลุ่มพวกนี้ราคาหุ้นกำลังอยู่ใกล้ๆกับ High เดิมเมื่อต้นปี 2021
.
ยกตัวอย่างเช่นกลุ่มเหมืองขุด Lithium ที่มีความต้องการสูงขึ้นมากทำให้ราคาตลาด Lithium ตอนนี้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะไม่สามารถขุดได้เพียงพอกับความต้องการ ทำให้ต้นทุนของกลุ่ม Battery ก็สูงขึ้นไปอีกจึงส่งผลให้ผู้ผลิตขึ้นราคาสินค้าได้
.
อีกตัวอย่างหุ้นที่เราสนใจอย่าง ON semiconductor ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปที่ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝั่งคือฝั่งที่เปลี่ยนจากรถน้ำมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% และ อีกฝั่งคือการพัฒนาของ Autonomous นอกจากนั้นยังได้เปรียบกว่าคู่แข่งที่โรงงานผลิตของเค้าจะอยู่ที่เอเชียและสหรัฐเป็นหลัก แต่คู่แข่งนั้นมีโรงงานผลิตอยู่ที่ยุโรปเลยโดนปัญหาเรื่องขาดแคลนพลังงานไปเต็มๆ
.
นอกจากนี้ยังสามารถมองภาพรถยนต์ EV ที่ไกลกว่ารถบ้าน 4 ล้อเป็นการเปลี่ยนไปสู่ภาค Commercial เช่น รถกระบะ รถเมล์ เป็นต้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ทางรัฐบาลสามารถเข้ามาอัดเงินลงทุนได้สูง เช่น แท่นชาร์จสำหรับรถใหญ่โดยเฉพาะ
.
สรุปมุมมอง bottomliner ต่อตลาดในตอนนี้
.
1.คาดว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วแต่ต้องรอดูตัวเลขของเดือนกันยายนก่อน
2. ราคาพลังงานเริ่มลดลงส่งผลให้สินค้าโภคภัณฑ์ และต้นทุนสินค้าเริ่มลดลงตาม แต่ยังมีแนวโน้มค้างอยู่ราคานี้ไปอีกซักพัก
3. เศรษฐกิจโลกยังชะลอตัวอยู่ ทั้งสหรัฐที่เงินเฟ้อยังสูงอยู่เลยต้องขึ้นดอกเบี้ยสู้ต่อไป ยุโรปที่ยังเกิดปัญหาขาดแคลนพลังงานก๊าซธรรมชาติ แต่จีนกำลังเริ่มฟื้นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเปิดเมืองใหม่อีกครั้งแม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็ยังน่าเป็นห่วง
4. กลุ่มหุ้น Growth Stock กลับมาฟื้นจากการที่เรื่องน่ากังวลต่างๆไม่ได้แย่อย่างที่ตลาดคาดการณ์นัก หุ้นจึงมีการ Rebound กลับมา
.
.
สำหรับใครที่อยากดูคลิปตัวเต็มสามารถดูได้ที่
>>https://www.youtube.com/watch?v=tpQh5Hmllow&t=2s
.
BottomLiner