กรณีศึกษา การหาโอกาสทำกำไรขาลงบนกลุ่ม Solar
วันนี้เอาเรื่องที่เกิดขึ้นในขาลงปี 2023 มาเล่าให้ฟังครับ ซึ่งจริง ๆ เรื่องนี้เล่าในกลุ่ม Exclusive ไปแล้วตั้งแต่ปลายปีก่อนนะครับ วันนี้ขอนำออกมาให้ฝั่ง Public ได้อ่านกัน
ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์ Put Option ง่ายๆ เมื่อมองหุ้นกลุ่ม Solar เป็นขาลงยับๆ
.
เราจะต้องคิด 5 เรื่องด้วยกัน ก่อนจะ take action แต่ละครั้งครับ
1. หุ้นจะขึ้นหรือลง
2. หุ้นจะขึ้นหรือลง แล้วกี่ %
3. เวลานานแค่ไหน
4. ความมั่นใจแค่ไหน
5. เรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน
ก่อนอื่น ขออธิบายว่าทำไมถึงมองกลุ่มหุ้น Solar ว่าจะลง เรื่องในบทความนี้เราปิด position หมดละครับ ไม่ต้องกังวล front run)
ปกติ Bottomliner เราจะตามหุ้นสำคัญในอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อมาประกอบร่างกัน จะทำให้เราเห็นว่าตอนนี้สภาวะอุตสาหกรรมเป็นอย่างไร โดยช่วงประกาศงบและข่าวของหุ้นแต่ละตัว จะเป็นช่วงทำเงินได้ง่ายที่สุดช่วงหนึ่ง
รูปที่ 1(ดูรูปได้ในเม้น) อธิบาย Solar Supply chain ที่มีตั้งแต่ Semiconductor, Inverter, แผงดำ PV, ผู้รับเหมาติดตั้ง, แบตเตอรี่ ที่เราได้ศึกษามา
ส่งผลให้เราสามารถตามเหตุการณ์สำคัญๆในอุตสาหกรรมช่วงนั้นได้ทันที โดยในช่วงที่ผ่านมา มี หลายเหตุการณ์ที่สำคัญเช่น
1. California ปรับระบบ NEM 3.0(กฎหมายขายไฟคืนรัฐ) ส่งผลให้กลางคืนต้องสำรองแบตเตอรี่แทน
2.การตัดราคาขายแผงดำ PV, Demand
3. การซื้อของลูกค้าแต่ละกลุ่มที่เปลี่ยนไป ตาม subsidy
4. ความเสี่ยงที่จีนจะแบนการส่งแร่สำคัญในการผลิตแผงดำ เป็นต้น
.
ข้อ 1 นั้น สำคัญที่สุด เพราะมันคือ Growth หลักที่สำคัญของกลุ่ม Solar ในสหรัฐ การปรับกฏหมายขายไฟคืนรัฐใน California (Net Metering หรือ NEM 3.0) จากที่ตอนแรกสามารถขายไฟคืนรัฐได้ทั้งหมด กลับกลายเป็นเหลือเพียง 30% ทำให้คนที่จะติด Solar ที่บ้านต้องไปลงทุนซื้อแบตเตอรี่มาติดเพื่อให้สามารถใช้ไฟตอนกลางคืนได้ แต่ประเด็นคือแบตเตอรี่มันแพงงงง ต้นทุนการติด Solar เราจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ทำให้ไม่คุ้มกับการติด Solar ใน California อีกต่อไป และคนเริ่มหยุดลงทุนกับการติดตั้งไปดื้อๆ เราจึงพบว่ามีหุ้น 5 ตัวที่โดนผลกระทบจาก Growth ใน California ลดลง คือ ENPH, Sunpower, Sunrun, Sunnova, SolarEdge เป็นต้น
.
เนื่องจากพูดถึงต้นปี (2023) คงไกลไป เราขอพูดถึง ปัจจุบัน (ตอนโพสต์คือปลายปี 2023) ละกัน ซึ่งภาพต่างๆ ใช้คำว่า แทบไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน สิ่งเดียวที่เปลี่ยนคือ บริษัท ยอมรับความจริงกับนักลงทุน มากขึ้น
เราซึ่งต่อต้านการถือหุ้นที่มวลประชาชื่นชอบอยู่แล้ว จึงเล็งหุ้น Enphase (ENPH) ซึ่งชาวเน็ตบอกว่าให้ช้อนนนน และบริษัทเอง ไม่ยอมรับ ว่า growth จะมีปัญหา
เมื่อต้นปี
เราคาดว่า Growth จะหายไปจากปีละ 30% เป็นเหลือเพียง 10% ต่อปี หากเป็นตามนั้นจริง ราคาเป้าหมายเราจะเหลือ 140
ก่อนงบ Q2 ออกครั้งนี้ เราจึงเล็ง put อีกครั้ง …
แล้วจะเลือก Put ที่ตรงไหน?? ITM OTM ATM??
.
ปัญหาคือ ไม่รู้ว่าจะใช้เวลา นานเพียงไหน แต่เรามั่นใจระดับหนึ่ง และรับ ขาดทุนได้ หากคำนวนจากค่าความผันผวนแล้ว เวลาแบบนี้ ไม่มีอะไรเหมาะไปกว่า ATM long PUT โต้งๆ (ซึ่งจะได้กำไรกว่า OTM) หรือ bear spread ก็ได้ ซึ่งเราเลือก ATM Long put เผื่อปลายเปิดไว้ เผื่อมันจมยาว
.
(ทำท่าอื่นได้ไหม จริงๆ ผสม OTM ไปก็ได้ คำนวนก่อนแล้วผสม รอบก่อนเราก็ทำ แต่ไม่ได้ตัง OTM ฮืออ หรือ bear spread ระยะสั้น ถ้าจับเป๊ะก็จะได้เงินมากกว่าในรอบนี้)
.
เราจึงเลือก Action Long Put ATM ทื่อๆ ซึ่งได้ผลลัพธ์ดี หลังงบออกหุ้นรูดทันที put option จึงกำไร 100% เราปิดครึ่งหนึ่งเอาต้นทุนออก และที่เหลือรอมันค่อยๆไหล จนตลาดทำท่าพัก แล้วกลุ่ม solar หันมาแข็ง เราจจึงปิดที่เหลือไป (ก็ราคาใกล้ๆเดิม)
.
.
เมื่อคุณเห็นโอกาสตัวที่หนึ่ง ก็จะเห็นโอกาสตัวรองๆลงมาในกลุ่ม ก็น่าสนใจ เช่น SUNRUN SUNPOWER ซึ่ง จาก Data พบว่า Demand การติด Solar ค่อยๆเริ่มลดลงมาเรื่อยๆ พร้อมกับบริษัท Longi Green ผู้ผลิตแผงดำตัดราคาสินค้าลงกว่า 30% กดดันให้ผู้ผลิตคนอื่นต้องมาตัดราคาแข่งกันอีก ซึ่งจะส่งผลให้กำไรของบริษัทในอุตสาหกรรมนี้เติบโตช้าลง จึงเห็นโอกาสในการใช้กลยุทธ์ Option เก็งงบเกับหุ้นกลุ่มลูกค้าของ Enphase อย่าง Sunpower, Sunrun ยกเว้นไว้เพียง Sunnova(จะมี California น้อยกว่าเพื่อน แต่รอบล่าสุดก็ดิ่งมาด้วย) ด้วยการ Long put เช่นกัน
โดยรวมรอบนี้ก็ได้เฉลี่ยๆประมาณ 100% กว่าๆ ซึ่งเราจะลงได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ โดยในกรณีนี้เราใช้เงินต้นรวมกันประมาณ 3% และได้เงินมา 3% เช่นกัน นี่เป็นตัวอย่างจริงของกลยุทธ์ OMTE ซึ่งเป็นกึ่ง absolute return ของ NOVA ที่ออกแบบมาสำหรับพอร์ตใหญ่ ก็จะเห็นว่า option หากใช้เป็น มันไม่ได้เสี่ยง อย่างที่คิดครับ
สำคัญคือ คุณตอบ 5 ข้อนั้นได้ครบไหม แล้วทำตามรึเปล่าครับ อย่าง OMTE ไม่ได้ออกแบบมาให้ไปเสี่ยงสุดๆ ไม่อยากให้ลบได้ถึงวันละ 5% เราก็ลงไม่เกิน 3% คือสูงสุดของการเก็งในแต่ละวัน (ยังไม่รวมพอร์ตหุ้นที่ขยับแต่ละวันอีก)