ราคาหุ้น Xiaomi ทำ all-time high รอบล่าสุด ส่งให้บริษัทมีมูลค่ารวมเกิน 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐไปแล้ว
เพื่อร่วมฉลองความสำเร็จไปกับบริษัทและความสำเร็จของเพจเราที่หาหุ้นสร้างผลตอบแทนแรงๆในรอบปีแบบนี้เจอ โพสต์นี้เลยขอเล่าถึงเหตุผลที่เลือกลงทุนหุ้นนี้ตั้งแต่ต้นปีครับ
“สำหรับผมแล้วบริษัท Xiaomi กำลังได้ประโยชน์จากธุรกิจที่แย่ที่สุด” ซึ่งนั่นก็คือการขายมือถือ เหตุผลเพราะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ยอดขายรวมทุกแบรนด์ทั่วโลกไม่ได้โตขึ้น แถมแบรนด์จีน 4 ตัวดัง Xiaomi, Huawei, Oppo, Vivo ต่างแข่งขันกันรุนแรงเพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาด
แต่จุดเปลี่ยนคือ “การแบน Huawei” ของรัฐบาลสหรัฐเมื่อปี 2019 นี้คือการตัดผู้เล่นรายสำคัญออกจากอุตสาหกรรมไปทันที หลังจากผ่านมาประมาณ 1 ปีครึ่ง ข้อมูลก็ชี้ชัดว่า Xiaomi คือผู้ได้ประโยชน์เหนือแบรนด์อื่น โดยช่วงไตรมาส 3 ปี 2019 บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 9% เท่านั้น แต่ข้อมูลไตรมาส 3 ปีนี้พุ่งมาที่ 14% แล้ว (ดูเหมือนไม่เยอะ แต่คิดเป็นจำนวนเครื่องที่ขายได้มากขึ้นถึง 45% YoY)
ซึ่งบริษัท Xiaomi รายงานรายได้จากธุรกิจมือถือล่าสุดเติบโต 48% YoY โดยถ้านับเป็นจำนวนเครื่องที่ขายได้ จะมีถึง 36.6 ล้านเครื่องที่มาจากตลาดนอกจีน (ในจีนขายได้ 10.5 ล้านเครื่อง) ซึ่งยอดขายนอกจีนนี่เองที่บริษัทได้ประโยชน์จากการแบน Huawei
โดย Xiaomi เน้นทำการตลาดหนักในยุโรปเพื่อเติมช่องว่างที่หายไปของ Huawei ดันมือถือรุ่น Mi 9, Mi 10 ที่เป็นตัว premium ออกขาย ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งตลาด low-end ใช้การแยกแบรนด์ Redmi ออกมาขายมือถือราคาถูก ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีมากในตลาดประเทศกำลังพัฒนาที่มีประชากรเยอะเช่นใน อินเดียและอินโดนิเซีย
เราเคยเล่าถึงวิธีติดตามยอมขายมือถือนอกจีนแล้ว ตามไปอ่านกันได้ในโพสต์นี้ครับ https://web.facebook.com/bottomlinerglobal/posts/3784112008270572
ปัญหาในปีนี้ของ Xiaomi อยู่ที่ธุรกิจ IoT และ Internet Services โดยทั้งคู่เจอผลกระทบจากวิกฤตโควิดทำให้คนเลือกชะลอการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าออกไปก่อน (กระทบ IoT) และบริษัทลูกค้าตัดงบโฆษณา (กระทบ Internet Services)
แต่ถ้ามองระยะยาวแล้วทั้งคู่จะเป็น Growth Driver ที่สำคัญให้บริษัทในอนาคต
ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ Xiaomi ตั้งชื่อเท่ๆ ว่าเป็นธุรกิจ IoT อาศัยการร่วมมือกับผู้ผลิต no-name ในจีนที่สามารถผลิตสินค้าดีต้นทุนต่ำ โดยเมื่อแปะแบรนด์ Xiaomi ลงไป สินค้าสามารถเพิ่มราคาขายได้เยอะและตีตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัตโนมัติที่ Xiaomi ให้บริษัท Roborock มาเอาแบรนด์ไปทำการตลาดและขอแบ่ง % ยอดขาย
ซึ่งในอนาคต 5-10 ปีข้างหน้าผมเชื่อว่าเราจะได้เห็นสินค้าที่ Xiaomi เป็น partner กับผู้ผลิตจีนสามารถไปตีตลาดทั่วโลกได้เหมือนที่เครื่องใช้ไฟฟ้าของ Samsung ทำได้ครับ โดยจุดเด่นของ Xiaomi ก็หนีไม่พ้นความเป็นสินค้าถูกและดีนั่นเอง
ขณะที่ Smart TV ที่สร้างยอดขายมหาศาลในช่วงโควิดก็จะสร้างประโยชน์ให้บริษัทในอนาคต เนื่องจาก Xiaomi จะเป็นคนคุมช่องทางโฆษณาแบบที่ Roku (NASDAQ: ROKU) กับ The Trade Desk (NASDAQ: TTD) ทำได้ในสหรัฐ และจากตัวเลขล่าสุดมีผู้ใช้งานระบบของ Xiaomi แล้วเกือบ 36 ล้านคน แถมยังแทบไม่มีนักวิเคราะห์สนใจเรื่องนี้เลยในปัจจุบัน
นอกจากนี้ Xiaomi ยังมีธุรกิจในส่วน Internet Services และการลงทุนในบริษัทอื่นอีกเยอะมากที่มีโอกาสจะสร้างมูลค่าให้บริษัทในอนาคตครับ
อ่านแล้วก็ชั่งใจซักนิดนะครับ เราไม่ได้เชียร์ให้ซื้อแต่อย่างใด ปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในหุ้น High-hope แล้ว
อยากได้ความเห็นว่ามองยังไงบ้างกับหุ้นตัวนี้ โดยเฉพาะข้อเสียของ Xiaomi
BottomLiner – บทสรุปการลงทุน