รู้จักชีวิต George Soros พ่อมด นักบุญ ปีศาจ? ในวันที่ต้องเกษียณอายุ
รู้จักชีวิต George Soros พ่อมด นักบุญ ปีศาจ?
.
เนื่องจาก 2 วันก่อน George Soros ได้ประกาศเกษียณอายุในวัย 92 ปี และส่งกิจการมูลค่ากว่า $25 B (ราว ๆ 8.6 แสนล้านบาท ) ให้ Alex ลูกชายของเขาดูแลต่อ
.
วันนี้ BottomLiner เลยจะมาเล่าถึงประวัติความเป็นมาของ George Soros สักหน่อย ซึ่ง Soros เป็นคน ๆ หนึ่งที่ถูกพูดถึงในหลายมุมมาก บางคนชอบและเคารพเขามาก แต่บางคนกลับเกลียดเข้าไส้ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคน ๆ เดียวถึงถูกมองเป็นทั้ง พ่อมด นักบุญ ปีศาจ?
.
#จุดเริ่มต้น
Soros เกิดบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ในช่วง 1930 และรอดจากการจับกุมของนาซีมาได้ ก่อนอพยพเข้าสู่อังกฤษช่วงหลังสงครามในปี 1947
.
ระหว่างเรียนปริญญาตรี และ โทที่ London School of Economics เขาได้อ่านงานเขียนของ Karl Popper เป็นจำนวนมาก ส่งอิทธิพลให้ Soros เชื่อในแนวคิดประชาธิปไตย, ปัจเจคบุคคลและการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ใช้ความรุนแรงอย่างมาก (Open Society) ซึ่งมันได้กลายมาเป็นหลักการสำคัญในชีวิตเขาในเวลาต่อมา
เดิมที Soros ตั้งใจจะเป็นอาจารย์อยู่ที่ London School of Economics แต่เนื่องจากเกรดไม่ถึงเกณฑ์จึงหันเหไปทำงานกับบริษัท Investment ใน London แทน
.
#เข้าสู่โลกลงทุน #MarketWizard #พ่อมด
Soros ย้ายไปสหรัฐในปี 1956 โดยเริ่มงานที่ F.M. Mayer ในฐานะ เทรดเดอร์เก็งกำไร (arbitrage) ก่อนย้ายงานอีกหลายครั้งในช่วง 14 ปี ชื่อเสียงและฝีมือของเขาค่อย ๆ ทะยานฟ้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในที่สุด Soros ได้ก่อตั้ง Soros Fund Management สำเร็จในปี 1970 และทำผลตอบแทนได้เฉลี่ย 30% ต่อปีเป็นเวลา 30 ปี (1970-2000) และตลอดอายุการทำงาน เขาสร้างกำไรให้บริษัทไปกว่า $40 B หรือราว ๆ 1.38 ล้านล้านบาท
Soros ถูกมองว่าเป็น Macro Investor หรือนักลงทุนที่มองกลไกเศรษฐศาสตร์ของโลกได้อย่างเฉียบขาดเพื่อทำกำไร เขามีความสามารถพิเศษในเรื่องการทำความเข้าใจเทรนด์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคมที่ส่งผลต่อตลาดเป็นอย่างมาก
สไตล์การลงทุนของ Soros เป็นที่รู้จักกันในแบบกล้าได้ กล้าเสีย ไม่รวยก็….ไปเลย
แต่มันไม่ได้แย่หรือเป็นในเชิงการพนันแบบนั้นนะ เพราะจริง ๆ Soros เป็นหนึ่งคนที่ประเมินความเสี่ยง กล้ารับความเสี่ยง และกล้ายอมแพ้มาก ๆ
อย่างที่ Soros เคยพูดว่า “ฉันรวยได้เพราะฉันรู้ว่าฉันผิด” ซึ่งเป็นคำที่สะท้อนให้เห็นการกล้ารับข้อผิดพลาดและเรียนรู้และพัฒนาจากมัน หรืออีกคำที่ได้ยินบ่อย ๆ คือ “มันไม่สำคัญว่าคุณจะแพ้-ชนะบ่อยแค่ไหน สำคัญว่าตอนคุณชนะคุณได้เท่าไหร่ และตอนแพ้คุณเสียเท่าไหร่” ซึ่งบอกถึงทัศนคติของ Soros ว่าเขาไม่เคยติด หากต้องยอมรับว่าตัวเองพ่ายแพ้หรือคิดผิด แต่ครั้งที่เขาถูก เขาจะเอาคืนอย่างสาสม
.
โดยรวมแล้ว Soros คือนักลงทุนอีกคนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนอย่างมาก หลายคนมองเขาไม่ต่างจาก #พ่อมด (Market Wizard) ที่เมื่อไหร่ Soros เคลื่อนไหว โลกก็พร้อมสดับรับฟังอย่างสนใจ
.
#ตำนานอยู่ตลอดไป #ปีศาจ
เหตุการณ์ที่ทำให้ Soros เป็นตำนานคือ “Black Wednesday ” ช่วงเดือนกันยาปี 1992 หลังจากอังกฤษมีนโยบายเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ European Exchange Rate Mechanism (ERM) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาอัตราแลกเปลี่ยนของเงินปอนด์ให้คงที่ เมื่อเทียบเงินยูโร เพิ่มอิสระภาพในการไหลเข้าออกของ Fundflow และเพิ่มอิสระภาพในการออกนโยบาย
Soros มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้น 3 อย่างนี้พร้อมกันเป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติระบบการเงิน และทำให้ค่าเงินปอนด์ของอังกฤษแพงเกินกว่าที่ควรจะเป็นไปมาก Soros จึงเป็นแกนนำพร้อมด้วย Trader คนอื่น ๆ ในการเข้าทำการโจมตีค่าเงินปอนด์ (short) ทำให้สุดท้ายอังกฤษไม่สามารถรักษาการตรึงค่าเงินไว้ได้ ต้องปล่อยเงินปอนด์ลอยตัว และนำมาสู่การสูญเสียเงินสำรองจำนวนมากของรัฐบาลอังกฤษ
ชัยชนะของ Soros นำมาซึ่งกำไรมหาศาลพร้อมกับฉายา
“The Man Who Broke the Bank of England”
เท่านั้นไม่พอ Soros ยังเป็นกลไกที่สำคัญในการเป็นตัวจุดระเบิด “วิกฤติต้มยำกุ้ง” ในปี 1992 ในลักษณะเดียวกับที่ทำกับอังกฤษ
แรงกระเพื่อมของวิกฤตที่ไทย ลามกลายเป็น “Asian Financial Crisis”
นำมาสู่เศรษฐกิจตกต่ำทั้งภูมิภาคเอเชีย เหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์หลายชาติของเอเชียว่าถูก Soros โจมตีค่าเงินและทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ชาวเอเชียหลาย ๆ คนเกลียด Soros เข้าไส้ ที่เข้ามาทำกำไรจากความเดือดร้อนของพวกเขา
Soros จึงถูกมองว่าเป็น #ปีศาจ ในสายตาของหลาย ๆ คน
.
แต่อีกด้านหนึ่งของเหรียญ สามารถพูดได้ว่านโยบายที่ทำอยู่ไม่ว่าจะของไทย หรืออังกฤษเอง เป็นการฝืนธรรมชาติระบบการเงิน และในไม่ช้าก็เร็ว จะต้องล่มสลายอยู่ดี ตามสิ่งที่เรียกว่า Impossible Trinity (สามสิ่งที่มีพร้อมกันแล้ว ก็เตรียมชิบหายได้เลย ) Soros เป็นเพียงคนที่เห็นช่องโหว่ของระบบและเข้าไปทำกำไรเท่านั้น ซึ่งจริง ๆ
นอกจากนี้ในระยะยาว กลับเป็นผลดีกับประเทศที่ถูกโจมตีมากกว่าด้วยซ้ำ ในการอุดรอยรั่วระบบการเงินตั้งแต่เนิ่น ๆ หากปล่อยให้เป็นไปตามเดิมจะเกิดความเสียหายที่มากกว่าหลายเท่า
จนตอนหลังเหตุการณ์ “Black Monday” ถูกทำความเข้าใจใหม่และถูกเรียกว่า “White Wednesday”ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการที่อังกฤษมีแนวคิด ที่จะออกจาก Euro และนำมาซึ่งเศรษฐกิจและเสถียรภาพที่มากกว่า
.
#ชีวิตที่อุทิศให้อุดมการณ์ #นักบุญ
นอกจากความสำเร็จในด้านการลงทุน
Soros ยังมีอีกด้านที่เน้นการกุศล โดยการก่อตั้งมูลนิธิที่ชื่อว่า Open Society Foundations เพื่อระดมทุนช่วยเหลือสาธารณะใน 120 ประเทศ โดยเน้นช่วยเหลือในด้านสาธารณะสุข ปัญหาผู้อพยพ และการศึกษา เพื่อสนับสนุนแนวคิด “Open Society”ที่เขาเชื่อ
จนถึงปี 2021 Soros ระดมทุนและบริจาคไปแล้วกว่า $32B หรือราว ๆ 1.1 ล้านล้านบาท ทำให้อีกด้านหนึ่ง Soros ก็ถูกมองเป็น #นักบุญ ที่ทำประโยชน์ให้สาธารณะชนอย่างมาก
.
สุดท้าย Soros ก็เป็นอีกคนที่มีทั้งคนเกลียดและรักเป็นจำนวนมากพร้อม ๆ กันขึ้นอยู่กับไปรู้จักเขาจากที่ไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในด้านที่เขาเชื่อ
ต่อจากนี้ก็ให้ปู่ไปพักนะครับ อายุก็ 90+ เข้าไปแล้ว อยู่ในวงการลงทุนมามากว่า 70 ปี เรียกได้ว่าตัวเทพลาวงการไปอีกคนแล้วครับ 55555
.
BottomLiner