หมัดต่อหมัด 5 ตัวท็อปหุ้นไทย เจอหุ้นสหรัฐ
จากรูป มีใครรู้สึกเหมือนกันไหมครับ?
.
อันนี้เรานั่งแปลงหน่วยมาให้เป็นหน่วยเดียวกันให้หมด พร้อมลักษณะธุรกิจคร่าว ๆ จะได้เห็นภาพ
5 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในไทยนั้นดำเนินธุรกิจอยู่ในไทยเป็นหลัก และเป็นธุรกิจแบบ Old Economy ที่มีคู่แข่งที่ดำเนินกิจการคล้ายกันอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำให้ขยายออกไปต่างประเทศได้ยาก
ในขณะที่ฝั่งสหรัฐ จะดำเนินกิจการทั่วโลก และเป็นธุรกิจเทคโนโลยีซึ่งหลายประเทศทั่วโลกยังไม่มีความสามารถผลิตสินค้าเหล่านี้ขึ้นไปแข่งขันได้ ทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถหาลูกค้าในประเทศต่าง ๆ ไปทั่วโลก และกลายเป็นบริษัทใหญ่คับโลก
.
ซึ่งโดยธรรมชาติของธุรกิจนั้น ยิ่งใหญ่จะยิ่งมั่นคง แต่แลกมาด้วยการเติบโตที่น้อยลง
.
แต่ถ้าเราดูจากในรูปจะเห็นว่า หุ้นต่างประเทศมีขนาดใหญ่กว่าหุ้นไทยเยอะมาก
อย่างหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในตลาดมีขนาดต่างกัน 80 เท่า !
แต่การเติบโตก็ยังดูดีอยู่มาก ๆ ซึ่งหากเราดูผ่าน เราก็จะบอกว่าหุ้นไทยในรูปบางตัวก็ยังเติบโตได้ดีไม่แพ้กัน แต่ถ้าดูในช่วงเวลาที่ไกลกว่านั้น เราจะเห็นว่าหุ้นหลาย ๆ ตัวเป็นหุ้นโภคภัณฑ์ มีความผันผวนของรายได้และกำไร และหลาย ๆ ตัวที่เห็นการเติบโตสูง ๆ นั้น คือเป็นเพราะฐานรายได้เดิมต่ำและยังไม่ฟื้นมาในเท่าในระดับก่อนมีโรคระบาดด้วยซ้ำ
.
อย่างที่เพจของเราพูดเสมอว่าการจะหาหุ้นที่จะได้ผลตอบแทนมาก ๆ นั้น ต้องมี 3 อย่างด้วยกันคือ
1. มีความสามารถในการผูกขาด
2. สินค้าและบริการเป็นที่ต้องการของลูกค้า
3. อยู่ในเทรนด์อุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตและเหลือพื้นที่ให้ขยายต่อ
ซึ่งหุ้นไทยส่วนมากจะติดอยู่ที่ข้อ 2 และ 3 หรือแม้จะมีข้อ 1 ส่วนใหญ่จะสามารถผูกขาดได้แค่ในประเทศเท่านั้น
.
ทำให้หากมองหาบริษัทที่ยังเติบโตได้อีกยาว ๆ นั้น หาจากต่างประเทศง่ายกว่ามากครับ
.
BottomLiner