เรียนรู้จากอดีต:Bretton Woods system คืออะไร!? ทำไมถึงเป็นระบบการเงินที่ประเทศมหาอำนาจเลือกใช้หลังสงครามโลกครั้งที่ 2??
#ยุคก่อน Bretton Wood
ก่อนอื่นต้องเท้าความไปถึงมาตรฐานทางการเงินช่วงก่อนหน้านี้ ที่โลกเราใช้ระบบมาตรฐานทองคำ (Gold Standard) โดยระบบมาตรฐานทองคำนี้มีพัฒนาการมาจากการใช้เหรียญทองคำที่ทำหน้าที่แทนเงินเพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แต่ด้วยข้อจำกัดที่ทองคำนั่นเคลื่อนย้ายลำบากและอาจถูกขโมยได้ง่าย สหราชอาณาจักรจึงเป็นประเทศแรกที่ได้เริ่มต้นผูกค่าเงินสกุลปอนด์สเตอร์ลิงไว้กับทองคำ
.
และเนื่องด้วยสหราชอาณาจักรเป็นมหาอำนาจโลกขณะนั้น เงินปอนด์สเตอร์ลิงของสหราชอาณาจักรจึงได้รับความเชื่อถือเป็นอย่างมาก ประเทศอื่นๆอย่างสหรัฐอเมริกา เยอรมนี ญี่ปุ่น จึงได้นำระบบมาตรฐานทองคำมาใช้ในระบบการเงินระหว่างประเทศของตนมากขึ้นตามมา
.
ถึงแม้ว่าระบบ Gold Standard จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่มันก็มีข้อจำกัดอยู่หลายอย่างเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นจากการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากประเทศที่มีสกุลเงินเป็นของตนเองต่างมีปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ต่างคนต่างกำหนดค่าเงินของตนเองเพื่อประโยชน์ทางการค้า บางประเทศก็พยายามเพิ่มการส่งออกจากการกำหนดค่าเงินให้อ่อน สาเหตุเหล่านี้ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศขึ้นและเป็นจุดเปลี่ยนที่ต้องนำระบบอันใหม่มาใช้แทน
.
#จุดเริ่มต้นของ Bretton Wood
โดยในปี 1944 หลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ประเทศมหาอำนาจในขณะนั้นจึงได้จัดตั้งการประชุมกัน เพื่อหารือเกี่ยวกับระบบทางการเงินแบบใหม่ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น
เป็นจุดเริ่มต้นที่ก่อให้เกิด Bretten Woods system นั่นเอง!
โดย Bretten Woods system ถูกตั้งชื่อมาจากชื่อเมืองที่มีการประชุม
.
ซึ่งเป้าหมายของ Bretton Woods system คือต้องการให้อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้นเพื่อทำให้การค้าโลกดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ข้อกำหนด 2 ข้อจึงได้ถูกตั้งขึ้น
1. แต่ละประเทศยินยอมที่จะผูกติดอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินของตนกับสกุลเงินดอลล่าห์สหรัฐ แทนที่จะกำหนดค่าเงินเอง โดยให้ดอลล่าร์เป็นสกุลเดียวที่มีทองคำหนุนหลังในอัตราส่วนที่ 1 ออนซ์ของทองจะมีมูลค่าเท่ากับ $35 (แตกต่างจากยุค Gold Standard ก่อนหน้านี้ที่แต่ละประเทศผูกกับทองของตัวเอง)
.
โดยสาเหตุที่เลือกดอลล่าร์เป็นสกุลเงินหลักมาจากการที่สหรัฐในขณะนั้นเป็นประเทศที่ครอบครองทองมากถึง 2 ใน 3 ของทั้งโลกเลยทีเดียว บวกกับกำลังทางการทหารที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมากกว่าประเทศอื่นๆด้วยเช่นกัน
.
2. ก่อตั้งองค์กรทางการเงินระหว่างประเทศขึ้นมาใหม่ 2 แห่ง เพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น
→ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (The International Monetary Fund: IMF) ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถาบันที่ช่วยกำกับดูแลอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามที่ตกลงกันว่าเป็นอัตราที่คงที่ตามดอลล่าร์สหรัฐ และยังเป็นแหล่งเงินสนับสนุนระยะสั้นแก่ประเทศที่ประสบปัญหาสภาพคล่องจากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด โดย IMF สามารถแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนได้ตามที่จำเป็น
.
→ ธนาคารเพื่อการก่อสร้างและการพัฒนา (The International Bank for Reconstruction and Development: IBRD) โดยปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธนาคารโลก (The World Bank Group) IBRD ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถาบันทางการเงินที่ให้กู้ยืมเงินระยะยาวแก่ประเทศที่ต้องการใช้เงินเพื่อลงทุนพัฒนาเศรษฐกิจรวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบหรือเกิดความเสียหายจากสงคราม
.
#จุดจบของ Bretton Woods system
ระบบการเงินแบบ Bretton Woods ได้ดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงจุดจบในปี 1971 ที่สหรัฐยกเลิกการผูกสกุลเงินดอลล่าห์สหรัฐกับทองคำ สาเหตุจากการที่สหรัฐไม่สามารถการันตีจำนวนทองคำที่มีระบบกับจำนวนเงินดอลล่าห์สหรัฐได้
.
การล่มของ Bretton Woods system ส่งผลให้สกุลเงินดอลล่าห์สหรัฐกลายเป็น Fiat Currency แบบลอยตัว ตามด้วยสกุลเงินอื่นๆอย่างเช่น สกุลเงินปอนด์ เช่นกัน
โดยการเปลี่ยนนี้ส่งผลให้สหรัฐสามารถพิมพ์เงินออกมาได้ไม่จำกัด เนื่องจากไม่ต้องมีทองคำคอยหนุนหลังอีกต่อไป ส่งผลให้เกิดสถานการณ์เงินเฟ้อขึ้นอย่างหนักในช่วง 1970s
.
สินทรัพย์ที่ใช้ป้องกันเงินเฟ้ออย่างทองคำจึงมีราคาสูงขึ้นมากในขณะนั้น จาก $35 ที่เคยถูกกำหนดไว้ในปี 1944 สู่จุดพีคที่ $670 ในปี 1980
.
BottomLiner