3 ดีลยักษ์ IPO บริษัทจีนต้องจับตาในปีหน้า
1. ByteDance (บริษัทแม่ TikTok)
ByteDance อยู่ในช่วงเลือกบริษัทลูกที่เตรียมจะมัดทำ IPO ในปี 2021แอพในเครือ ByteDance ที่เด่นๆ ก็คือ “Douyin” ซึ่งก็คือ Tiktok เวอร์ชั่นในจีนเอง โดย Douyin นั้นถูกเริ่มใช้งานมาตั้งแต่ปี 2016 และตรงใจกับกลุ่มวัยรุ่นมากส่งผลให้ได้รับความนิยมสูงในประเทศจีน จนทำให้มีการพัฒนาแอป TikTok ปล่อยให้บริการทั่วโลกตั้งแต่ปี 2018 .คาดการณ์รายได้ของทั้งบริษัท ByteDance ในปีนี้จะมากถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 80% จากปีที่แล้ว.TikTok และ Douyin มี MAUs ทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 800 – 1000 ล้านคน เป็นคนจีนประมาณครึ่งหนึ่ง (ข้อมูลช่วงต้นปี 2020)
โดยการระดมทุนรอบล่าสุดส่งให้บริษัทมีมูลค่าถึง 1.4 แสนล้านดอลลาร์ (แต่นี่คือตัวเลขก่อนโดนสหรัฐและอินเดียแบน).บริษัท ByteDance ถือว่าผ่านวิบากกรรมหลายอย่างในปีนี้ ทั้งการโดนอินเดียแบนไม่ให้คนในประเทศใช้ และถูกรัฐบาลสหรัฐบังคับขายกิจการ ซึ่งทั้งหมดก็ส่งผลให้ต้องพลาดเสียผู้ใช้งานไปหลายร้อยล้านคน แน่นอนว่าการ IPO เข้ามาครั้งนี้จะต้องถูกกด Valuation
2. Kuaishou
Kuaishou (แปลเป็นอังกฤษว่า quick hand) บริษัทให้บริการแพลตฟอร์มวีดีโอสั้น (คู่แข่งสำคัญของ Douyin และ TikTok) ซึ่งปัจจุบันมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์จากการระดมทุนรอบล่าสุด
ข้อมูลของเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาระบุว่า Kuaishou มี DAUs มากถึง 302 ล้านคน และ User ใช้เแอปเฉลี่ยนาน 85 นาทีต่อวัน ซึ่งก็หนุนให้รายได้จากโฆษณาโตถึง 48% ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาผู้บริหารหวังทำ IPO ให้ได้มูลค่าถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะเป็นการจดทะเบียนในฮ่องกง
3. JD Logistics
JD Logistics บริษัทลูกของ JD เจ้าของ E-Commerce ยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งตามชื่อก็ชัดเจนว่าบริษัทให้บริการด้านการขนส่งและบริหารคลังสินค้า ถือเป็นบริษัทในเครือ JD ตัวที่ 2 ต่อจาก JD Heath ที่ถูกแยกขายเข้า IPO .คาดว่าจะทำการ IPO ในตลาดฮ่องกงช่วงครึ่งปีแรกของปี 2021 และเบื้องต้นถูกประเมินว่ามูลค่าจะอยู่ที่ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ.แผนของ JD คล้ายกับ Alibaba ที่จะทยอยแยกบริษัทลูกออกมาขายเข้าตลาดเพื่อเปิด Valuation ที่ถูกซ่อนไว้ ซึ่งเคสดังที่สุดในรอบปีต้องยกให้ Ant Group ผู้ถูกรัฐบาลจีนเชือดไปแล้ว
ในปี 2021 นั้น การทำ IPO ของบริษัทจีนจะเพิ่มขึ้นอีกหลายบริษัท ซึ่งเราอาจได้เห็นการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนด้วย เพราะปัจจุบันจีนต้องการดันบริษัทเทคโนโลยีของตัวเองเพื่อหวังมาสู้กับบริษัทของสหรัฐ ตัวอย่างเช่น ปีนี้ก็มีการเปิดดัชนีหุ้นเทคจีนในตลาดฮ่องกง “Hang Seng Tech” เพื่อชนกับ Nasdaq-100 ของสหรัฐ
ศึกชิงตำแหน่งมหาอำนาจต้องดูกันอีกนาน
ถ้าชอบบทความแชร์ให้เพื่อนได้อ่านด้วยนะครับ
BottomLiner – บทสรุปการลงทุน