การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจจะถูกเร่งตัวอีกครั้งในยุค 5G
ตั้งแต่ปี 1980 ที่การสื่อสารด้วยระบบ 1G, 2G เกิดขึ้น ทำให้เราสามารถพกพามือถือเพื่อสื่อสารด้วยเสียงหรือข้อความแบบ SMS จากที่ไหนก็ได้ จึงเกิดกระแสการซื้อมือถือติดตัวเป็นครั้งแรกของผู้คนทั่วโลก (Nokia บูม) เป็นผลดีต่อกลุ่มผู้ให้บริการเครือข่าย เช่น ในสหรัฐหุ้น AT&T หรือ Verizon วิ่งแหลกช่วงปี 1980 – 2000 ขณะที่ในไทยก็มีเจ้าใหญ่อย่าง AIS, DTAC, TRUE ครองตลาด
ถัดมาก็เป็นยุคของ 3G และ 4G ที่สามารถรับและส่งข้อมูลขนาดใหญ่ได้ดีขึ้น จึงเป็นการแจ้งเกิดของมือถือแบบ Smartphone ซึ่งสามารถใช้งานได้หลากหลายกว่ามือถือยุคเก่ามาก (iPhone vs Nokia) จึงเกิดธุรกิจใหม่ขึ้นมา disrupt ธุรกิจแบบดั้งเดิมที่ปรับตัวไม่ทันจำนวนมาก และยังสร้างบริษัท Big tech ให้เกิดขึ้นมากมายในช่วงนี้ .และเทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนโลกอีกครั้งต่อจากนี้คือ “5G” เพราะการมาถึงของระบบนี้จะเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตอีก 20 – 100 เท่าจากในปัจจุบัน และจะเชื่อมอุปกรณ์ electronic เข้าด้วยกันให้มันสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีแนวโน้มจะเกิดการกระโดดทางเทคโนโลยีสร้างธุรกิจรูปแบบใหม่อีกครั้ง !!
จากข้อมูลของ Deloitte (ตามรูป) และการวิเคราะห์ของเราคาดการณ์ว่ามีเทคโนโลยี 4 อย่างที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นได้จริงและสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมา
1. Video Data
ความเร็วของ 5G ทำให้เราสามารถ download ไฟล์หนังระดับ 4K ได้ภายในเวลาไม่ถึงนาที หรือการประชุมทางไกลสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายมากและมีคุณภาพสูงขึ้นจนสุดท้ายจะมาทดแทนการประชุมแบบเจอหน้ากันไปเกือบทั้งหมด (โควิดระบาดก็เร่งให้คนคุ้นเคยมากขึ้น)ไ.ยกตัวอย่างไม่หมดจริงๆ แต่ขอสรุปว่า Video Data ต่อจากนี้จะเพิ่มขึ้นมหาศาลเลย
2 AR/VR
AR (Augmented Reality) คือการรวมโลกจริงๆของเราเข้ากับวัตถุเสมือน ถ้าฟังแล้ว งงๆ ให้นึกถึงการใช้ Filter ใน Instagram หรือเกมอย่าง Pokemon Go เป็นตัวอย่าง AR ซึ่งปัจจุบันภาคธุรกิจก็พัฒนามาใช้ประโยชน์เช่น ร้านขายเครื่องสำอางที่จะนำระบบ AR มาให้ลูกค้าดูตัวอย่างสินค้าออนไลน์แทนการใช้งานจริง.VR (Virtual Reality) คือการจำลองโลกเสมือนขึ้นผ่านการใช้งานจาก Smartphone หรือพวกแว่นตา VR ที่ทำให้เราเหมือนเข้าไปอยู่อีกโลกนึงได้ ซึ่งปัจจุบันก็มีอุปกรณ์อย่าง Facebook Oculus ที่กำลังเร่งพัฒนาอยู่
ตอนนี้เริ่มมีการนำ VR ไปช่วยร้านขายของแต่งบ้านออนไลน์ให้ลูกค้าสามารถเห็นขนาดสินค้าที่จะซื้อได้จริง เพิ่มความมั่นใจในการสั่งซื้อออนไลน์ โดยในอนาคตเทคโนโลยีนี้ยังสามารถนำไปใช้กับธุรกิจอื่นได้อีกมาก เช่น entertainment หรือการซ้อมรบทางทหาร !!
โดยการเข้ามาของ 5G จะปลดล็อคข้อจำกัดหลายๆอย่างทำให้เทคโนโลยี AR/VR สามารถไปได้ไกลกว่านี้มากๆ เพราะปัจจุบันความเร็วในระดับ 3G และ 4G ยังไม่สามารถส่งข้อมูลจำนวนมากได้
3. Autonomous Drones
สิ่งจะเกิดขึ้นต่อมาคือการสร้าง drones เพื่อทำงานแทนคน ตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้วคือการใช้ drone เพื่อขนส่งสินค้า ซึ่ง Alibaba ได้ลองใช้ในการบินส่งของข้ามทะเลไปยังเกาะกลางทะเลที่มีระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร โดยใช้เวลาเพียงแค่ 9 นาทีเท่านั้น !!
หรือแม้กระทั่งในระบบ Security ก็ใช้ประโยชน์จากโดรนได้ เช่น Amazon ที่บริษัทลูกเปิดตัว drones จิ๋วอัจฉริยะที่สามารถบินไปตรวจรอบบ้านทันทีที่ sensor ตรวจพบความเคลื่อนไหวการมาถึงของ 5G จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของข้อมูลที่ส่งผ่านระหว่างอุปกรณ์อื่นกับตัว drones ได้ดีขึ้น และจะเกิดการนำไปใช้ในงานที่ซับซ้อนกว่าในปัจจุบัน
4. Autonomous Cars
เทคโนโลยี 5G เท่านั้นที่จะทำให้รถยนต์ไร้คนขับเกิดขึ้นจริงเพราะระบบต้องใช้การรับ-ส่งสัญญาณที่ไวมากๆ เพื่อมาประมวลผลข้อมูลที่ได้จากกล้องและ Sensor รอบรถ
แต่ปัญหาที่ทำให้รถยนต์ไร้คนขับจะเกิดช้ามาก เพราะมันเกี่ยวข้องกับชีวิตคนตรงๆ ดังนั้นรัฐบาลท้องถิ่นของแต่ละประเทศจะคอยมายุ่งเกี่ยวและชะลอการพัฒนาไว้
ตามรูปจากข้อมูลของ Deloitte แล้ว 5G จะทำให้เกิดเทคโนโลยีใหม่อีกมากมายแบ่งตามขนาดตลาดกับโอกาสสำเร็จ แน่นอนว่าในอนาคตจะไม่เป็นไปตามนี้ทั้งหมด แต่ก็ใช้เป็น guildline ได้เลย
BottomLiner – บทสรุปการลงทุน