Lattice Semiconductor .. หุ้น chip maker turnaround กว่า 500% อีกตัวที่น่าจับตา
หากถามว่ามีบริษัทผู้ผลิตชิพ ไหน ที่มีเทคโนโลยีเบอร์ต้นๆของโลก และอยู่ใน Megatrend 5G, Internet of Things (IoTs), AI Edge Computing เช่นรถยนต์ไร้คนขับ แต่ยัง market cap เล็กกระทัดรัด เทียบกับคู่แข่งอื่นๆ 1 ในตัวเลือกคงจะหนีไม่พ้น Lattice Semiconductor (LSCC)
เห็นครั้งแรกวิ่งแรงนึกว่าหุ้นปั่น market share ก็สู้เค้าไม่ได้ แต่พอศึกษาดีๆแล้วไม่ใช่เลย เพราะ LSCC เป็นผู้นำตลาด FPGA ในฝั่ง low end และถือว่ามียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก (ในเชิง volume) ขายไปแล้วกว่า 1,000 ล้านชิ้น ใน 4 ปีที่ผ่านมา
FPGA คือ Field Programmable Gate Array เรียกภาษามนุษย์เราว่าชิปที่โปรแกรมทีหลังได้ เปลี่ยนไปมาได้ ไม่ต้องง้อโรงงาน ใครสงสัยเดี๋ยวอ่านบทความนี้จบ จะมีลิ้งแนบให้ใน comment
แต่พูดว่า FPGA เดี๋ยวนี้ไม่มีใครขาย FPGA กันทื่อๆแล้ว เค้าทำเป็นสินค้าพร้อมใช้งานกันเรียบร้อย เพื่อใช้ใน IoTs และ AI ในส่วนของ Edge Computing โดยเฉพาะตรง 5G นั้นจะทำเป็นสินค้าออกมาเลยตอบโจทย์ตามการใช้งาน เช่นเพื่อใช้ใน beamforming, network slicing อะไรพวกนี้
คำว่า Low End นั้น ดูเหมือนกระจอก แต่จริงๆแล้วนี่แหละคือสิ่งที่ตอบโจทย์ ในโลกธุรกิจนั้น ไม่ได้ต้องใช้สุดยอดความล้ำทางเทคโนโลยี 5nm 7nm ก็ตอบโจทย์ทางธุรกิจได้ เช่น เครื่องกรองอากาศ pm2.5 ของเรา คงไม่ต้องแสนอัจฉริยะ แสนดีเท่า smart phone ดังนั้น คงไม่ต้องใช้ชิพดีเท่าครับ.คุณคงไม่คาดหวังว่าบริษัทจะเอาชิพ NVIDIA แพงๆหลายแสน แบบใน data center พร้อมระบบทำความเย็น ไปใส่ในรถยนต์ให้คุณนะ
ใช้คำว่า มันไม่ได้ๆๆๆ มันไม่ใช่ความฉลาดทางวิศวกรรมเอาเสียเลย..แทนที่จะเล่าว่า บริษัทนี้ดีอย่างไร เทคโนโลยีเค้าดีจริงหรือ เนื่องด้วยสินค้ามีหลายหมวด มาตรวัด ก็ต่างกัน มือใหม่อาจงงได้ ธีมที่ใหม่กับคนไทยขนาดนี้ ต้องเล่าว่า เอาไปใช้อะไร ทำไมมันน่าสนใจ.ชวนเชื่อง่ายๆ กับนักลงทุน เราชวนเชื่อกันที่ ผลตอบแทน.LSCC turnaround ได้สำเร็จ วิ่งจาก $6.8 ตอนต้นปี 2019 มาที่ $43.7 (23/12/2020) ได้ คิดเป็นสัก 500% กว่าๆ
แหม้ ล้อเล่นนะครับ นักลงทุนอย่างเราๆ ดูแค่ผลตอบแทนอย่างเดียวคงจะไม่ได้ !! มาดูเหตุผลอื่นดีกว่า
เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าจะเกิด demand มหาศาล ด้านฝั่ง connectivity chip, network, sensor อะไรพวกนี้เนอะ เล่าไปหลายทีละ
โลกเราต้องการชิพราคาน่ารัก ประหยัดพลังงาน คุมความร้อนได้ และใช้การใช้งานได้ดี แต่ไม่จำเป็นต้องสเป็คดีเท่าคู่แข่งอย่าง xilinx และ altera พวกนี้แบ่งๆตลาดกัน บางจุดชิพของ LSCC ก็จะไม่เหมาะ เราต้องเข้าใจว่า component สำคัญๆ ไหน ใช้ชิพอะไร.LSCC มี product line ซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้ครอบจักรวาลเลยก็ว่าได้ ในยุคอนาคต ตั้งแต่ไปใช้ในฝั่ง คือเพื่อให้รับส่งสัญญาณได้ ตั้งแต่ในเสารับส่งสัญญาณ ไปจนถึง Data Center
และยังสามารถนำไปใช้ประมวลผลก็ได้เช่นเดียวกัน ทั้งในโรงงาน และในรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ รวมถึง smart things ต่างๆ ในยุค Internet of Things.หากจะลิสตามอุตสาหกรรม หลักๆก็คงจะเป็น
– communication เช่น 5G Wireless Switch/router
– computing ได้ทั้งฝั่ง server และ client (รวมถึง Edges)
– industrial เช่น factory automations และ industrial IoTs
– automotive เช่น ADAS ระบบช่วยคนขับ และ infotainment
– consumer เช่น smart home, smart wearables
เรียกว่าก็แทบจะครอบจักรวาลจริงๆ
โดยชูจุดแข็งในเรื่อง การประหยัดพลังงาน ปลอดภัย ใช้ง่าย และ ราคาน่ารัก อยู่ในระดับที่บริษัทต่างๆ นำไปใช้ได้อย่างสบายๆ
เพราะธุรกิจต้องการกำไร พวก IoTs ใช้ชิพ ราคาถูกๆ ก็สั่งงาน สั่งการได้แล้ว
มาดู รายได้บริษัทกันบ้าง
ปี 2017 รายได้ 386, กำไร -70.6 ล้านดอลลาร์
ปี 2018 รายได้ 398, กำไร -26.3 ล้านดอลลาร์
ปี 2019 รายได้ 404, กำไร +43.5 ล้านดอลลาร์
เรียกว่าไม่โตเลย แต่คุม cost ได้ดี แล้วกำลังสอดรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆได้อย่างดีครับ
สิ่งที่โดดเด่นนอกจาก hardware คือการพัฒนา Lattice SenseAI มา เร่งประสิทธิภาพให้ดีขึ้น (ใครเคยเรียนไปแล้ว จะเข้าใจดีว่า ชิพ แค่ hardware มันไม่พอ ต้องมี software มา optimize ให้ดีขึ้นอีกด้วย และจะได้เปรียบคู่แข่ง) สะท้อน vision ผู้นำตลาดชิพได้เป็นอย่างดี
BottomLiner – บทสรุปการลงทุน