LGFV คลื่นใต้น้ำอีกลูกของจีน อีกเรื่องน่ากังวลของประเทศจีน ที่คนยังไม่ค่อยรู้
LGFV หรือชื่อเต็มว่า Local Government Financing Vehicle (แปลแบบไทย ๆ ว่าเครื่องมือในการหาเงินของรัฐบาลท้องถิ่นก็น่าจะได้)
คือลักษณะของเครื่องมือทางการเงินที่ถูกตั้งขึ้นโดยรัฐบาลท้องถิ่นของจีนเพื่อทำการขอทุนในการนำไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ
.
#จุดเริ่มต้น
จุดเริ่มต้นของ LGFV เริ่มต้นในช่วงวิกฤตปี 2008 รัฐบาลจีนได้ตั้งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ผ่านการใช้จ่ายของรัฐบาลท้องถิ่น แต่ไม่สามารถทำได้มากนักเนื่องจากติดปัญหาเพดานหนี้
ซึ่ง LGFV จึงเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหานี้
.
โดยรัฐบาลท้องถิ่นจะสามารถทำการกู้แบงค์หรือออกหุ้นกู้ก็ได้ ผ่าน LGFV เมื่อได้เงินก็จะนำไปเอาไปสร้างเมือง สร้างถนน ระบบทางด่วน อสังหาเชิงพานิชย์ต่าง ๆ เป็นต้น แล้วนำกำไรที่ได้กลับมาจ่ายหนี้ให้กับนักลงทุน
.
LGFV เป็นแหล่งสำคัญในการกู้ยืมและนำมาซึ่งหนี้สินจำนวนมากของรัฐบาลท้องถิ่น มันเป็นช่องโหว่ที่ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถกู้หนี้ได้โดยไม่ติดปัญหาเรื่องสัดส่วนหนี้ที่เกิดกำหนด เพราะหนี้ของ LGFV ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในบัญชีของรัฐบาล ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถออกโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันหลายครั้งก็นำมาซึ่งการทุจริตของรัฐบาลท้องถิ่น หลายโครงการไม่ได้ถูกคิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ประชาชน แต่เพื่อระดมทุนให้ได้มากขึ้น
.
ซึ่งโครงการแบบ LGFV มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย
เพราะมันเป็นบริษัทที่ถูกตั้งโดยรัฐบาลท้องถิ่น
แต่นั้นเป็นคนละเรื่องกับการที่รัฐบาลท้องถิ่นจะเข้ามารับผิดชอบหนี้
แม้ในหลาย ๆ ครั้ง โครงการ LGFV หลาย ๆ โครงการจะได้รับเงินสนันสนุนจากทั้ง ธนาคารของรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งมีส่วนช่วยในเรื่องการเติบโต รวมถึงในบางกรณีรัฐบาลจีนได้เข้าแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือโครงการ LGFV หลาย ๆ โครงการ จากความเสี่ยงล้มละลาย และ ความเสี่ยงจาก systemetric risk ต่าง ๆ
แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้หมายความว่าการลงทุนดังกล่าวไร้ความเสี่ยง โดยมีรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกัน
.
นั้นหมายความว่าจริง ๆ แล้ว LGFV อยู่ในรูปแบบของคล้ายเอกชนระดมทุน ซึ่งนักลงทุนต้องรับความเสี่ยงด้วยตัวเอง
.
หนี้สินดังกล่าวไม่ได้ถูกนำมารวมบน balance sheet หนี้สินของรัฐบาลจีนด้วย หรือพูดได้อีกอย่างว่า จริง ๆ แล้วหากรวม LGFV เข้าไปรัฐบาลจะมีหนี้สินมากกว่านี้มาก
โดยเมื่อสิ้นปี 2020 หนี้ LGFV มีขนาด 45 ล้านล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยราว ๆ 225 ล้านล้านบาท คิดเป็น 44% ของ GDP จีนทั้งประเทศ หรือประมาณ 13 เท่าของ GDP ประเทศไทยปี 2020 !
.
ในขณะเดียวกันเรื่องของ LGFV ทำให้นึกถึงเรื่อง Freddie Mac และ Fannie Mae เป็น 2 บริษัทเอกชนที่รัฐบาลสหรัฐสนับสนุนเพื่อเอื้อให้ประชาชนสหรัฐสามารถเข้าถึงสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้น โดย Freddie Mac และ Fannie Mae จะทำการซื้อหนี้จากธนาคาร และมัดรวมหนี้และขายต่อให้ทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยในรูปแบบของ Mortgage backed securities (MBS) และCollateralized Debt Obligation (CDO) หรือหนี้สินที่มีหลักประกันเป็นบ้าน ซึ่งทำให้ธนาคารมีเงินทุนไปปล่อยกู้ต่อได้
สามารถทำความเข้าใจเรื่องนี้ได้ในบทความวิกฤต
Subprime ของเราตอนที่ 1-2
=====
ตอนที่ 1: https://www.facebook.com/bottomlinerglobal/posts/pfbid02VNovt2JCB7Gh2Xq6C2WbVZuVtjwUEPdJPB5KT5xa2i26NVAuzQCAdfM97Co5j929l
ตอนที่ 2: https://www.facebook.com/bottomlinerglobal/posts/pfbid0mbSLSpjDeva1ReRUaXk9sbNAPD5e6PpFzeqFg3tz8c1bKDb99ffDHrWnDzPeTnYil
=====
ทั้ง (1) LGFV กับ (2)Freddie Mac/Fannie Mae มีลักษณะโครงสร้างไม่ได้เหมือนกันโดยตรงและอยู่คนละภาคส่วนกัน แต่ทั้ง 2 กรณีมีส่วนที่เหมือนกันคือทั้งคู่มีความสัมพันธ์กับระบบหนี้และใช้กลไกทางการเงินเพื่อขยายธุรกิจ ซึ่งในยามปกติสามารถสร้างผลตอบแทนสูงให้กับนักลงทุน แต่จะมีความเสี่ยงที่สูงขึ้นมากในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ
.
เพิ่มเติมคือบริษัททั้ง 2 ระบบมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่ทำให้ผู้คนเชื่อว่าบริษัทเหล่านี้ “too big to fail” หรือใหญ่เกินไปกว่าที่รัฐบาลปล่อยล้ม จึงเป็นการลงทุนที่ได้รับการดูแลโดยรัฐบาลในกรณีที่เกิดวิกฤต
.
#สถานการณ์ปัจจุบัน
รัฐบาลท้องถิ่นจีนแบกหนี้สูงถึง 120% เมื่อเทียบ GDP ในปี 2022
โดยการระบาดของไวรัสและการควบคุมหนี้ทำให้ อสังหาจีนตกต่ำ และรายได้ของรัฐบาลหดหายจากการขายที่ดินลดลงกว่า 23% คิดเป็นเงินประมาณ 33 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 2 เท่าของ GDP ประเทศไทย เราจึงมองว่าสถานะการเงินของ LGFV จะถูกกระทบด้วย
.
ทั้งนี้รัฐบาลจีนจะมีวิธีในการจัดการปัญหา LGFV ดังกล่าวได้ 4 ทางด้วยกันคือ
1.tightening ให้นโยบายรัดกุมขึ้น ตรวจสอบ LGFV อย่างละเอียด เพื่อป้องกันการกู้ยืมที่เกินความจำเป็น และการเก็งกำไรจากการลงทุนที่มากเกินควร (กำลังทำอยู่)
2. ปรับเปลี่ยนโครงสร้างหนี้ เพื่อจัดการกับระดับความเสี่ยงจากหนี้ที่สูงเกินของ LGFV โดยรัฐบาลสามารถ action ได้หลากหลายวิธี เช่น ปรับสัดส่วนหนี้/ทุน ยืดระยะเวลาชำระหนี้ออกไป เข้าอุดหนุนโครงการ LGFV
รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น (ยังไม่ได้ทำ)
3. ลดการพึ่งพา LGFV ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หันไปเพิ่มส่วนแบ่งภาษีจากส่วนกลางลงสู่ท้องถิ่นโดยตรงมากขึ้น (กำลังทำอยู่)
4. อนุญาตให้เอกชนสามารถเข้ามาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานได้ (บอกว่าจะทำ)
.
ทั้งนี้ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิดแต่ยังไม่ถึงขั้นน่าวิตกกังวลมากนัก
เมื่อยังไม่มีปัจจัยอะไรมาเจาะให้ฟองสบู่แตก
สิ่งที่เราต้องติดตามต่อไปคือเมื่อไหร่ที่รัฐบาลเริ่มดำเนินนโยบายที่รัดกุมมากขึ้น อาจบีบให้ปัญหาที่ซุกเอาไว้ใต้พรม โผล่ออกมาให้เห็น
ผลกระทบจากการที่จีนเข้ามาควบคุม LGFV ก็คือเศรษฐกิจจะโตช้าลงแน่ๆ เพราะเงินจะไม่ถูกใช้เข้ามามั่วๆ
.
BottomLiner
=====
เข้าห้องพูดคุยหรือติดตาม BottomLinerคลิ๊ก>> https://linktr.ee/bottomliner