[Beginner]ต้องรู้!! ง่ายนิดเดียว กองทุนรวมมีกี่ประเภท !!
นักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการกองทุนไม่นาน น่าจะประสบปัญหาเดียวกัน คือ หลังจากที่เข้าเว็บต่างๆ สำหรับค้นหากองทุนรวม พบว่า มีกองทุนหลายประเภท แถมมีเป็นพันกองทุนให้เลือกซื้อ เลยไม่รู้จะซื้อกองทุนไหนดี ตาลาย
ดังนั้น เรามาทำความรู้จักกับ “ประเภทกองกองทุนรวม” ตามระดับความเสี่ยงกันก่อน จะได้ช่วยให้สามารถเลือกซื้อกองทุนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความเสี่ยงที่เรารับได้
ระดับความเสี่ยงยังบอกเราได้อีกว่า ควรเป็นการลงทุนระยะสั้น กลาง หรือยาว เพราะถ้ายิ่งเสี่ยงมาก (ราคาผันผวนมาก เช่นเดี๋ยว +10% เดี๋ยว -15%) ยิ่งควรถือนานๆ ไม่อย่างนั้นแล้วจะประสบปัญหาซื้อบนดอย ขายที่หลุม
โดยระดับความเสี่ยง สามารถแบ่งได้ทั้งหมด 8 ระดับ
ความเสี่ยงระดับที่ 1 กองทุนรวมตลาดเงินในประเทศ
เป็นกองทุนที่ลงทุนในเงินฝาก ตั๋วเงิน และตราสารหนี้ระยะสั้น อายุเฉลี่ยไม่เกิน 1 ปี จึงทำให้กองทุนนี้มีความเสี่ยงต่ำที่สุด
เหมาะกับ
- คนที่ไม่ต้องการความเสี่ยง
- คนที่ต้องการพักเงินระยะสั้น เพื่อรอจังหวะลงทุน
ความเสี่ยงระดับที่ 2 กองทุนรวมตลาดเงินต่างประเทศ
เป็นกองทุนที่ลงทุนในเงินฝาก ตั๋วเงิน และตราสารหนี้ระยะสั้น อายุเฉลี่ยไม่เกิน 1 ปี จะเหมือนกองทุนความเสี่ยงระดับที่ 1 แต่แตกต่างกันที่กองทุนนี้ไปลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศบางส่วน จึงทำให้มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน แต่โดยปกติผู้จัดการกองทุนมักจะป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้แล้ว
เหมาะกับ
- คนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ
- คนที่ต้องการพักเงินระยะสั้น เพื่อรอจังหวะลงทุน
- หวังผลตอบแทนเยอะกว่าตลาดเงินในประเทศ
ความเสี่ยงระดับที่ 3 กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล
เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ซึ่งตราสารหนี้ชนิดนี้จะมีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป มีความผันผวนมากกว่ากองทุนรวมตลาดเงิน และอาจมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่เปลี่ยนไปในแต่ละปี แต่ก็จะได้ผลตอบแทนที่มากกว่ากองทุนความเสี่ยงระดับที่ 1 และ 2
เหมาะกับ
- คนที่ลงทุนในระยะมากกว่า 1 ปีขึ้นไป
- คนที่ต้องการผลตอบแทนมากกว่ากองทุนรวมตลาดเงิน
- คนที่ต้องการลดความเสี่ยงจากช่วงดอกเบี้ยขาลง
ความเสี่ยงระดับที่ 4 กองทุนรวมตราสารหนี้
เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ของภาครัฐและภาคเอกชนทั้งระยะสั้นและยาว จะคล้ายกับกองทุนความเสี่ยงระดับ 3 เล็กน้อย แต่ในกองทุนประเภทนี้จะเพิ่มการลงทุนในภาคเอกชนด้วย จึงทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากบริษัทเอกชน เช่น ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกหุ้นกู้
เหมาะกับ
- คนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำถึงปานกลาง
- คนที่ลงทุนได้ทั้งระยะสั้นและยาวได้
- คนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
ความเสี่ยงระดับที่ 5 กองทุนรวมผสม
เป็นกองทุนที่สามารถลงทุนในสินทรัพย์อะไรก็ได้ ทั้งเงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น และอื่นๆ ซึ่งแต่ละกองทุนจะมีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับนโยบายของกองทุน โดยสามารถดูนโยบายการลงทุนได้จาก Fund Factsheet
เหมาะกับ
- คนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง
- คนที่ไม่มีเวลาปรับสัดส่วนการลงทุนเอง
- คนที่ยังไม่ค่อยมีความรู้เรื่องหุ้น แต่ต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ความเสี่ยงระดับที่ 6 กองทุนรวมตราสารทุน
เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น กองทุนหุ้นไทย, กองทุนหุ้นจีน, กองทุนหุ้นญี่ปุ่น, กองทุนหุ้นสหรัฐ, กองทุนเวียดนาม เป็นต้น รวมไปถึงกองทุน SSF และ RMF ที่เราคุ้นเคยกันด้วย มีความเสี่ยงจากความผันผวนของหุ้นแต่ละตัวที่กองทุนนั้นไปลงทุน
เหมาะกับ
- คนที่ต้องการผลตอบแทนสูงและรับความเสี่ยงได้สูง
- คนที่ชอบการลงทุนในหุ้น แต่ไม่มีเวลาลงทุนเอง
ความเสี่ยงระดับที่ 7 กองทุนรวมตามหมวดอุตสาหกรรม
เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้น แต่เจาะจงอุตสาหกรรมมากขึ้น เช่น หุ้นธนาคาร หุ้นค้าปลีก หุ้นโรงพยาบาล เป็นต้น กองทุนประเภทนี้จะมีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนรวมตราสารทุนทั่วไป เนื่องจากลงทุนแบบกระจุกตัว จึงต้องใช้ความรู้เฉพาะในอุตสาหกรรมนั้น
เหมาะกับ
- คนที่รับความเสี่ยงได้สูง
- คนที่มีความรู้ความเข้าใจในอุตสาหกรรมนั้นเป็นอย่างดี
- คนที่ชอบการลงทุนในหุ้นบางกลุ่มอุตสาหกรรม
ความเสี่ยงระดับที่ 8 กองทุนรวมทางเลือก
เป็นกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ ที่นอกเหนือจากสินทรัพย์พื้นฐาน เช่น ทองคำ น้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น กองทุนนี้จึงมีโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่า คนที่สนใจกองทุนประเภทนี้ ต้องศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับสินทรัพย์ทางเลือกนั้นมากยิ่งขึ้น
เหมาะกับ
- คนที่รับความเสี่ยงได้สูง
- คนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน เราแนะนำให้ลองเริ่มจากทำแบบประเมินความเสี่ยงด้านการลงทุนว่า เงินที่เราจะนำมาลงทุนนั้นรับความเสี่ยงได้ระดับไหน แล้วค่อยลองเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่เรารับได้
(มีเว็บของ SET ที่เปิดให้ประเมินความเสี่ยง:
https://www.set.or.th/educa…/th/online_classroom/risk.html)
หรืออีกวิธีหนึ่งที่บางคนใช้กัน คือ เอาระยะเวลาในการลงทุนของเงินก้อนนี้มาเป็นปัจจัยในการเลือกซื้อกองทุนให้เหมาะสม เช่น ถ้าเราจะลงทุนช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 3-6 เดือน หรือไม่เกิน 1 ปี แนะนำให้ลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ถ้าจะลงทุนระยะยาว สัก 5-10 ปี ก็แนะนำให้เลือกองทุนที่มีความเสี่ยงสูง เช่น กองทุนผสม กองทุนหุ้น เป็นต้น
สรุปให้อีกครั้ง #เสี่ยงน้อยได้น้อย เช่นตลาดเงิน หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล ถือสั้นๆไม่ต้องกลัวขาดทุนง่ายๆ #เสี่ยงมากได้มาก เช่นหุ้น กองอสังหา ถือสั้น ใครยังไม่ชิน หัวใจจะวายได้ ถือยาวโอกาสกำไรเยอะหน่อย
อันนี้เป็นเพียงการวัดความเสี่ยงตามเกณฑ์กองทุนในไทยนะครับ ซึ่งอาจไม่ตรงกับความเสี่ยงจริงของสินทรัพย์ที่เล่าไปด้านบน
BottomLiner
สนใจกองทุนหุ้นต่างประเทศยอดฮิต มาหาข้อมูลเพิ่มเติมกันได้เลยที่ BottomLiner Exclusive Content แล้วจะพบว่าข้อมูลที่สำคัญมีอีกเพียบ แถมเราย่อยมาให้เรียบร้อยว่าควรโฟกัสเรื่องไหน สนใจสมัครได้ที่ลิ้ง : https://forms.gle/DBhATCRfWprbcNuu7