เมื่อสื่อใหญ่ของสหรัฐอย่าง Paramount+ กระโดดเข้าแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่ง
ตลาดสตรีมมิ่งจะลุกเป็นไฟ เมื่อสื่อใหญ่ของสหรัฐ กระโดดเข้าแข่งขันด้วย
ViacomCBS ยักษ์ใหญ่เเห่งวงการสื่อภาพยนต์ โทรทัศน์ เตรียมหันมาทำ Video Streaming ภายใต้เเบรนด์ Paramount+ ท้าชน Netflix, Amazon Prime Tv, Disney+, HBO max, และ Peacock
ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจวิธีหารายได้ของ Video Streaming กันก่อน
1.Advertising Video On Demand(AVOD) ให้ดูฟรี แต่มีโฆษณา เช่น Youtube, DailyMotion
2.Subscription Video on Demand(SVOD) เสียค่าสมาชิกรายเดือนแล้วมี content ให้ดูตามช่วงเวลา เช่น Netflix, Hulu, Disney+ หรือ เสียค่าสมาชิกรายเดือนแบบถูกกว่า เเต่มีโฆษณาบ้าง
3.Electronic Sell Through(EST) ผู้ให้บริการขายขาด content นั้น ดูกี่รอบก็ได้ เช่น Apple’s iTunes
4.TVOD(Transactional Video On Demand) สมาชิกเสียเงินเช่า content ดูรายครั้ง เช่น Apple’s iTunes, Sky Box Office, Amazon’s video store.
โดย Paramount+ จะเป็นการ Rebrand ใหม่ของสตรีมมิ่งที่ชื่อ CBS All Access จะเป็นเเบบ SVOD คือ เสียค่าสมาชิกรายเดือน 9.99 ดอลลาร์ (310 บาท) เเบบไม่มีโฆษณา เเละ 5.99 ดอลลาร์ (185 บาท) เเบบโฆษณา
ทางด้านบริษัท ViacomCBS แม้ไม่คุ้นหูคนไทยนัก เป็นบริษัทที่มีอิทธิพลในวงการสื่อสหรัฐ ครองส่วนเเบ่งตลาดทีวีในประเทศ 22% ใหญ่เป็นอันดับ 1 และเป็นเจ้าของรายการต่างๆมากมาย เช่น CBS, Showtime, Paramount, Comedy Central, BET, Simon & Schuster, Telefe หรือ Pluto TV
แล้วปัจจุบันฐานผู้ใช้งานสตรีมมิ่งของบริษัท ViacomCBS ใหญ่แค่ไหน?
ระบบมีผู้สมัครสมาชิกเเบบเสียเงินรายเดือน 16.2 ล้านคนในสหรัฐ เพิ่ม 72% จากปีที่เเล้ว ส่งผลให้รายได้เพิ่มกว่า 15,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ Video Streaming เเบบให้ดูฟรีเเต่มีโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอย่าง Pluto TV มีผู้ใช้งานปัจจุบันเพิ่ม 26.5 ล้านคน คิดเป็นการเติบโตถึง 61% จากปีที่เเล้ว
หลายคนอาจสงสัยว่ามีผู้ให้บริการสตรีมมิ่งรายใหญ่ๆมากเเล้ว Paramount+ จะสู้บริษัทอื่นได้ยังไง ?
จุดได้เปรียบของ Paramount+ คือ บริษัทแม่อย่าง ViacomCBS เป็นผู้ผลิต Content เองอยู่เเล้วไม่จำเป็นต้องเสียค่า License เพื่อนำ content คนอื่นมาฉาย สามารถนำรายการโชว์อื่นๆของ CBS เเละบริษัทในเครือมาฉายออนไลน์หรือฉายย้อนหลัง เช่น TVShow ยอดนิยม, เรียลริตี้โชว์, SpongBob ภาค Spinoff, ข่าว, National Football League (การแข่งขันอเมริกันฟุตบอล) เพิ่มเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค
รู้หรือไม่: รายได้ของพนักงาน McDonald ในสหรัฐชั่วโมงละ 15 ดอลลาร์ นั่นคือคนธรรมดาทั่วไปทำงานเเค่ชั่วโมงเดียวก็ดู Streaming ได้ทั้งเดือนเเล้ว ถ้าอยากดู Streaming หลายๆเจ้าก็ไม่ได้กระทบเรื่องค่าใช้จ่ายสักเท่าไหร่
BottomLiner
สนใจศึกษาเรื่องหุ้นต่างประเทศ https://bottomliner.co/basic-bottomup-bootcamp