Shale Oil จุดเปลี่ยนวงการน้ำมัน ที่พา US แซงตะวันออกกลางขึ้นเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1 ของโลก !!
ย้อนกลับไปช่วงปี 1970 สมัยที่ Supply น้ำมันของโลกไปกระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง (OPEC) และ US ยังคงพึ่งพานำเข้าน้ำมันจากประเทศเหล่านั้นเป็นส่วนใหญ่
พอปี 1973 หลังความขัดแย้งระหว่างกลุ่มประเทศ OPEC และ Israel เริ่มรุนแรงขึ้น OPEC ได้ตัดสินใจตอบโต้ด้วยการแบนส่งออกน้ำมัน (Oil Embargo) ไปยัง Israel และประเทศที่หนุนหลังให้ รวมถึง US ส่งผลให้น้ำมันขาดแคลนทั่วโลกและราคาพุ่งสูงเป็นสถิติ
.
แต่ในช่วงปี 2010 เมื่อ Shale Oil เข้ามา US ก็ไม่ต้องห่วงว่าน้ำมันจะขาดแคลนหนักเหมือนในอดีตอีกต่อไป…
.
Shale Oil คือน้ำมันดิบที่ฝังรากลึกอยู่ในชั้นหินดินดาน (Shale) ซึ่งต้องอาศัยเทคนิคการขุดเจาะแนวขวาง (Horizontal Drilling) และเทคนิค Fracking หรือการใช้สารเคมีอัดแรงดันลงไปให้หินดินดานแตกเพื่อให้สามารถสกัดน้ำมันออกมาได้
.
ซึ่งปัจจุบัน US เป็นประเทศที่มีแหล่งขุด Shale Oil มากที่สุดในโลก โดยมีหลุดขุดที่สำคัญคือ Permian ที่มี Shale Oil กว่า 62% ใน US ขณะที่หลุม Bakken และ Eagle Ford รวมกันคิดเป็นราว 25% และหลุมใหม่อย่าง Niobrara มีราว 11%
.
นอกจาก US แล้วจะมี Canada และ Argentina ที่มี Shale Oil ค่อนข้างเยอะ แต่ US จะยังคงได้เปรียบเรื่องต้นทุนการขุดเจาะมากกว่าประเทศอื่น เพราะเป็นคนริเริ่มพัฒนาหัวเจาะเอง ขณะที่ประเทศอื่นต้องนำเข้าหัวเจาะจาก US ในราคาที่แพง ทำให้ไม่คุ้มลงทุน
.
ด้วยสาเหตุนี้ เลยส่งผลให้ US กลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก และแซง Saudi Arabia ได้ในเวลาไม่นานนั่นเอง
.
BottomLiner
ไม่อยากพลาดสาระเนื้อหาในการลงทุนต่างประเทศ อย่าลืมกดติดตาม
เพราะตอนนี้โซเชียลต่าง ๆ ถูกปิดการเข้าถึงมาก ๆ
ไม่งั้นอาจพลาดโพสต์ดี ๆ จากเราได้ครับ
https://linktr.ee/bottomliner