SONY AIRPEAK S1 โดรน Mirrorless เล็กสุด Edge Computing ล้ำสุด
Sony เพิ่งเปิดตัวโดรนตัวแรก ‘Airpeak S1’ ซึ่งเป็นโดรนขนาดเล็กที่สุดในโลก ที่สามารถติดตั้งกล้อง full-frame mirrorless พร้อมเลนส์ได้ (น้ำหนักราว ๆ 2.2 kg ) โดยจะบินได้ 12 นาที เมื่อบรรทุกกล้อง
โดรนมาพร้อมฟังก์ชันแบบจัดเต็ม
เร่งความเร็วได้สูงสุด 0 – 70 km/hr ใน 3 วินาที
มีระบบ Air Resistance บินอย่างเสถียรที่ความเร็วลมสูงสุด 20 m/s (ความเร็วลมพายุเลยทีเดียว)
ทำงานได้อย่างเสถียรแม้อยู่ในพื้นที่ปิดและไม่มีสัญญาณจากดาวเทียม
สามารถวางแผนการบินล่วงหน้าได้แบบ 3มิติ รวมถึงลงจอดอัตโนมัติ
ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อพบสิ่งกีดขวาง หรือหลบวัตถุที่เคลื่อนที่เข้ามาจากด้านหน้า
แล้วทำไม BottomLiner ถึงเอาโดรนมารีวิว จะหันมาขายโดรนหรือเปล่า? บอกเลยว่าไม่ใช่ !
ฟังก์ชันมากมายที่บอกมาข้างต้นจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่า Edge Computing
วันนี้ BottomLiner จะมาเล่าว่า Edge Computing บน Sony Airpeak S1 ทำให้เกิดฟังก์ชันอะไรได้บ้าง
นี่เป็นอีก Use Case ที่ดึงจุดเด่นของ Edge Computing มาใช้ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว
สำหรับ คนที่ยังไม่ทราบว่า Edge Computing คืออะไร?
มันคือการประมวลผล ณ จุดที่ใกล้แหล่งข้อมูลที่สุด รับข้อมูลมาและประมวลผลตรงนั้นเลย (ที่อุปกรณ์) ไม่มีการส่งต่อไปแหล่งอื่น จึงเหมาะกับการประมวลผลที่ต้องการผลลัพธ์แบบทันท่วงที เช่น ระบบควบคุมรถยนต์ไร้คนขับ, อุปกรณ์ IoT, โดรนต่าง ๆ เป็นต้น
ซึ่งโดรน Airpeak S1ทำงานโดยมี กล้องเก็บภาพสามมิติ 5 ตำแหน่ง (หน้า, หลัง, ซ้าย, ขวา และด้านล่าง) ทำงานร่วมกับเซนเซอร์อินฟราเรดตรวจจับระยะ นำข้อมูลต่าง ๆ ไปประมวลผลที่หน่วยประมวลผลส่วนกลางที่ติดตั้งใน Airpeak S1 คือ ARM Cortex-A9 (เทคโนโลยี ARM อีกแล้ว)
ฟังก์ชันต่าง ๆ ที่เกิดจาก Edge Computing บน Airpeak S1
ชิพ ARMประหยัดพลังงาน
เนื่องจากเป็นโดรนตัวเล็กทำให้มีความจุแบตเตอรี่น้อย
การใช้สถาปัตยกรรม ARM มาทำ Edge Computing ในโดรนนั้นจึงตอบโจทย์เพราะขึ้นชื่อเรื่องกินไฟน้อย และการทำงานโดรนไม่ซับซ้อน ไม่ทำหลายงานพร้อมกัน เป็นอีกจุดเด่นของ ARM แม้ ARM Cortex-A9 จะไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานในส่วนนี้
นอกจากนี้ในการพัฒนา AI ยังใช้ระบบ ‘Vision P6 DSP’ จาก Cadence (NASDAQ: CDNS) ซึ่งมีจุดเด่นในการใช้ทำ Vision Computing โดยเฉพาะ ทำให้ AI ที่ออกมา มีประสิทธิภาพสูงแต่ประหยัดพลังงาน (อดีต Huawei ก็ยังต้องพึ่งเทคโนโลยีนี้มาเพิ่มคุณภาพกล้องมือถือ แต่ปัจจุบันโดนแบนห้ามยุ่ง)
โดรนสามารถระบุพื้นที่3มิติอย่างแม่นยำทำงานได้แม้ไม่มีสัญญาณ
จากการทำงานร่วมกันระหว่างกล้อง 3 มิติ เซนเซอร์วัดระยะ และหน่วยประมวลผลภาพแบบ Edge Computing ทำให้โดรนสามารถรู้ลักษณะพื้นที่โดยรอบแบบ 3 มิติได้แบบ real-time กรณีอับสัญญาณ คนบังคับยังสามารถมองเห็นภาพแบบสามมิติที่ส่งจากโดรนโดยตรงได้ โดรนจะไม่หยุดทำงานเมื่อออกนอกเขตสัญญาณ นอกจากนี้การประมวลผลข้อมูลยังต่อยอดให้เกิดระบบเบรกอัตโนมัติ การหลบสิ่งของที่เคลื่อนที่เข้ามา วางแผนการบินล่วงหน้า และสั่งบินอัตโนมัติได้ (แอดเข้าใจว่าโดรนจะบินกลับมาอัตโนมัติเมื่อเกิดการผิดแผนอีกด้วย)
บินอย่างเสถียรท่ามกลางลมพายุ
ภาพที่ถ่ายจากโดรน Airpeak S1 นั้นนิ่งมาก ๆ แม้จะบินอยู่ท่ามกลางลมระดับพายุ
เพราะใช้กล้องที่ติดอยู่รอบ ๆ ทำงานรวมกับ gimbal กันสั่น ส่งข้อมูลไปประมวลผลที่หน่วยประมวลผลแบบ real-time
หน่วยประมวลผลจะทราบ แรงลม แรงกดอากาศ เพื่อให้โดรนรู้ว่าจะต้องบินที่ความลาดเอียงกี่องศา เพื่อให้ได้ภาพที่นิ่งสนิท ตรงนี้ต้องใช้การประมวลผลที่เสถียรและ Delay ต่ำมากจึงจะสามารถใช้งานฟังก์ชันนี้ได้อย่างสมบูรณ์
สรุป Edge Computing ช่วยให้โดรน Airpeak S1 ของSony นั้น ประหยัดพลังงาน ใช้ฟังก์ชันสุดล้ำได้เกินขนาดมาก นอกจากนี้ยังประมวลผลได้รวดเร็ว และทำงานได้อัตโนมัติเพื่อเพิ่มความปลอดภัย และลดอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น
Edge Computing ยังมี Use Case เด่น ๆ อีกเพียบไว้มีโอกาส BottomLiner จะมาเล่าให้ฟังใหม่นะครับ
BottomLiner