4 ธีมลงทุนระยะยาว น่าสนใจ ลงได้ง่ายๆ ผ่าน StashAway
1 ในหัวใจของการลงทุนระยะยาวที่ดี คือการเลือก Megatrend ลงทุนที่ถูกต้อง ในวันนี้ มีตัวเลือกมากมายเต็มไปหมด
ลองคิดดูนะครับว่าในอนาคต ที่ชีวิตห้อมล้อมด้วย AI และเชื่อมต่อ internet ได้เพียงปลายนิ้ว อยากได้อะไรก็แค่เอานิ้วจิ้มๆ ไม่กี่ที ของก็มาถึงหน้าบ้านแล้วกินข้าว จากเดิมถ้าอยู่บ้านต้องโทรสั่งตามร้าน แต่เดี๋ยวนี้ก็สั่ง Grab Robinhood อยาก shopping ก็สั่งผ่านโทรศัพท์ อยากจองโรงแรม ก็สามารถดูห้องพักได้ ไม่ต้องไปดูของจริง ด้านฝั่งภาคการผลิตก็มีโรงงานอัจฉริยะ ที่ไม่ต้องใช้คน แม้แต่รถขนของในโรงงานก็วิ่งไปมาได้เอง ไม่ต้องใช้คนอีกต่อไปการทำธุรกรรมทางการเงิน ก็สะดวกสบายขึ้น และในปัจจุบันยังมี Blockchain เข้ามา disrupt วงการนี้หลายบริษัท และหน่วยงานรัฐ กำลังวางโครงสร้างไปในอนาคต
จะเห็นว่าโอกาสลงทุน มีเต็มไปหมด แล้วต้องลงทุนอะไร สัดส่วนเท่าไหร่? แบ่งอย่างไรดี? เชื่อไหมเป็นมันยากกว่าที่เราคิดนะ ว่าลงแบบไหนดีที่สุดแต่ … ไม่ต้องกังวลไป ในวันนี้จะพาไปรู้จัก 4 Theme ที่น่าลงทุนจาก StashAway กันครับ ซึ่งทาง StashAway ได้คัดมาจัดเป็นพอร์ต คอยปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ลงทุนให้แล้ว ได้แก่
1. Technology Enablers (เทคโนโลยีเบื้องหลังที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆ)เทคโนโลยีต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ทั้งเพื่อผู้บริโภคเอง หรือ smart factory โรงงานอัจฉริยะ ที่กล่าวมาข้างต้น #จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย !!!! หากไม่มี chip … เมื่อไม่มี chip ก็ไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีหุ่นยนต์ ไม่มี cloud computing ที่ช่วยประมวลผลจนปัจจุบันพัฒนาต่อยอดมาเป็น AI สมองกลอัจฉริยะ ยิ่งในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเติบโตด้วยอัตราเร่ง เราได้เข้าสู่ยุค Big Data และ Industry 4.0 และในอนาคตโลกอินเตอร์เน็ตก็จะเป็นยุคของ Metaverse มากขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่เกิดขึ้นได้จากอากาศ แต่ต้องมีเทคโนโลยีขับเคลื่อนอยู่บ้างหลังทั้งนั้นTechnology Enablers ซึ่งเป็นเบื้องหลังของการขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆ เหล่านั้น จึงเป็นธีมที่นักลงทุนที่สนใจการลงทุนในต้นน้ำ กลางน้ำ ชอบ เพราะบริษัทเหล่านี้ ขายให้ทุกคน ไม่ต้องกังวลว่าใครจะเป็นผู้ชนะในเทคโนโลยีใหม่ๆ กลุ่มนี้จึงให้ผลตอบแทนไม่แพ้ Big Tech แนวหน้าของโลก ใน 5 ปีที่ผ่านมา
ETF ที่ StashAway ลงทุนในธีมนี้• Amplify Transformational Data Sharing
• ARK Autonomous Technology & Robotics • ARK Next Generation Internet
• First Trust Cloud Computing
• Global X Robotics & Artificial Intelligence
• VanEck Vectors Semiconductor
2. The Future of Consumer Tech (นวัตกรรมที่จะเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์คนทั่วโลก)ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนแรก ทุกคนได้สัมผัสกับ Consumer Tech อยู่แล้วโดยไม่รู้ตัว คือการที่ตื่นเช้ามาหยิบ smart phone มาส่งข้อความ LINE หรือกดรับโค้ดส่วนลด shopee และ Lazada ในยามค่ำคืน .. คุณอาจจะคิดว่ามันว้าวมากแล้ว แต่ลองดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต่อๆ ไป คือเราสามารถเล่นเกมได้สมจริงยิ่งขึ้นจากแว่น VR เราสามารถช้อปปิ้งได้อย่างมีอรรถรสมากขึ้นจาก AR เราสามารถโอนเงินไปพาเพื่อนในต่างประเทศได้อย่างรวดเร็วด้วย Cryptocurrency และยังสามารถดูแลสุขภาพของเราจาก Smart Applications และ Gadgets ต่างๆ ส่วนการขับรถ ก็กำลังจะมีรถยนต์ไร้คนขับ นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
เทรนด์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า The Future of Consumer Tech ที่ลงทุนในเรื่องเหล่านี้ต้องเติบโตอย่างมากอย่างแน่นอน
ETF ที่ StashAway ลงทุนในธีมนี้
• ARK Fintech Innovation
• ARK Innovation
• Global X Autonomous & Electric Vehicles
• Global X FinTech
• O’Shares Global Internet Giants
• VanEck Vectors Video Gaming and eSports
3. Healthcare Innovation (นวัตกรรมที่จะพลิกโฉมวงการแพทย์)ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนเราทุกวันนี้ให้ความสำคัญกับสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างมาก จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าอุตสาหกรรมทางการแพทย์แบบดั้งเดิมค่อนข้างเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่เรารู้หรือไม่ว่าความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้และก่อให้เกิดอุตสาหกรรมทางการแพทย์แบบใหม่ ที่เรียกว่า กลุ่ม “Healthcare Innovation”
โดยบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ Healthcare Innovation มักจะเป็นกลุ่มของ Biotechnology & Genomics Company ที่มีความแตกต่างจากบริษัทที่ผลิตยาแบบดั้งเดิม โดยจะผลิตยาหรือวัคซีนผ่านการสกัดหรือดัดแปลงพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเราอาจคุ้นตากันอยู่บ้าง เช่น Moderna ผู้ผลิตวัคซีน mRNA ขณะที่ยาแบบสามัญจะถูกผลิตจากการสังเคราะห์สารเคมี ทำให้ยาประเภทใหม่ มีประสิทธิภาพที่สูงกว่าและใช้เป็นยาสำหรับรักษาโรคร้ายแรง ซึ่งอุตสาหกรรมนี้ยังรวมถึงเทคโนโลยีที่เป็น S-Curve ใหม่ๆ อย่างเช่น การถอดรหัสพันธุกรรม และการตัดต่อยีนด้วย เป็นต้น
ธีมการลงทุนนี้ ทาง StashAway จะโฟกัสไปที่ 4 เรื่อง
1.Biotech
2.Genomics
3.Medical Equipments
4.เภสัชกรรม
ETF ที่ StashAway ลงทุนในธีมนี้
• ARK Genomic Revolution
• iShares Biotechnology
• iShares Genomics Immunology and Healthcare
• iShares Global Healthcare• iShares U.S. Medical Devices
• ROBO Global Healthcare Technology and Innovation
• VanEck Vectors Pharmaceutical
4. Environment and Cleantech (เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน)พูดถึงการลงทุนในสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด ที่เมืองไทยเราอาจจะนึกถึงพลังงานสะอาด จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เทคโนโลยีบำบัดขยะแต่ต่างประเทศ ยังมีอีกมากการลงทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่โลกเรากำลังให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เทคโนโลยีสะอาด หรือ Clean Technology นั้น คือนวัตกรรมการปรับปรุงพัฒนาและเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตต่างๆ เพื่อให้การใช้ประโยชน์จากพลังงานธรรมชาติเป็นไปได้ด้วยดีมีประสิทธิภาพ โดยที่ไม่ก่อให้เกิดผลเสียหรือมลพิษต่างๆ ที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมเช่นเทคโนโลยีการจัดการน้ำ บำบัดน้ำเสียระบบกักเก็บพลังงาน/Smart Gridพลังงาน Hydrogen
โดยเงินลงทุนด้านนี้ที่เพิ่มขึ้นมหาศาลจากทั้งรัฐบาลและบริษัทขนาดใหญ่เป็นตัวบ่งชี้ว่า โลกเรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตขึ้นอย่างมากในอนาคต ทำให้การเกิดขึ้นของทั้งสตาร์ทอัพและบริษัทจดทะเบียนได้ผลักดันการลงทุนในพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ETF ที่ StashAway ลงทุนในธีมนี้
• iShares Global Clean Energy ETF
• First Trust NASDAQ Clean Edge
• Lyxor New Energy DR UCITS ETF
• First Trust Global Wind Energy
• First Trust Water ETF
• VanEck Environmental Services
• iShares Global Green Bond ETF
• Lyxor Green Bond DR UCITS ETF
และที่น่าสนใจ ทาง StashAway ไม่ได้จัด Theme การลงทุนแบบ ความเสี่ยงเดียว !! … เอ๊ะ ยังไง ไม่เข้าใจ คำว่า ความเสี่ยงเดียว เช่น ธีมการลงทุน Healthcare Innovation กำหนดน้ำหนักลงทุน ไว้ (ณ วันที่ 31 ม.ค. 2565)
iShares U.S. Medical Devices, IHI 17.5%
iShares Biotechnology, IBB 7.3%
iShares Global Healthcare, IXJ 4.2%
ARK Genomic Revolution, ARKG 17.5%
VanEck Vectors Pharmaceutical, PPH 17.5%
iShares Genomics Immunology and Healthcare, IDNA 17.5%
ROBO Global R Healthcare Technology and Innovation, HTEC 17.5%
ทุกคนที่สนใจธีมนี้ มาลงทุน ก็ได้พอร์ตเหมือนกันหมด … แม้มันจะเกินความเสี่ยงที่เรารับได้ ตรงนี้ StashAway ได้ใช้เทคนิคเพิ่ม สินทรัพย์ปรับสมดุลเข้าไป เช่น ทอง และตราสารหนี้ และสามารถระบุความเสี่ยงเป็นตัวเลขได้เช่นเคย ที่เรียกว่า SRI (StashAway Risk Index) ซึ่งเป็นการจัดระดับความเสี่ยงที่ทางบริษัทใช้เพื่อกำหนด Asset Allocation ของพอร์ตอย่างเหมาะสม … แล้วเชื่อถือได้หรือไม่?? ต้องบอกว่าเค้าอิงตามมาตรฐานทั่วไปที่ใช้กัน คือ Value-at-Risk (VaR) ครับ มาแปลงให้คนเข้าใจง่ายขึ้นภาษามนุษย์ ก็ ยิ่งตัวเลขยิ่งสูง ยิ่งเสี่ยงมาก ตัวเลข ต่ำ ยิ่งเสี่ยงน้อยกรณี พอร์ตดังกล่าวที่ยกมา คือที่ความเสี่ยงเต็มพิกัด SRI 45% แต่หากน้อยสุดที่ SRI 20% หน้าตาพอร์ตจะเพิ่ม
iShares International Treasury Bond 16.7%
SPDR Gold Shares 12.0%
Vanguard Total International Bond 5.7%
SPDR FTSE International Government Inflation-protected Bond 14.7%
iShares TIPS Bond 6.0%
และสินทรัพย์ตามธีม ก็จะถูกลดน้ำหนักลง
iShares U.S. Medical Devices, IHI 3.4%
ARK Genomic Revolution, ARKG 11.0%
VanEck Vectors Pharmaceutical, PPH 3%
iShares Genomics Immunology and Healthcare, IDNA 9%
ROBO Global R Healthcare Technology and Innovation, HTEC 17.5%
จะเห็นว่าไม่ได้ลงแบบโปรเรทนะ เพราะพวกนี้มีการคำนวน portfolio optimization กันมาก่อน ไว้อนาคตจะแชร์ความรู้ด้านนี้เพิ่มเติม
สนใจ อยากลงทุนกับ StashAway ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/36hT39i