Earning Yield Gap อีกตัวเลขที่นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกสินทรัพย์ลงทุน
Earning Yield Gap คือ ส่วนต่างระหว่าง อัตราผลตอบแทนของตลาดหุ้น (Earning Yield) เทียบกับ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล (Government Bond Yield) โดยส่วนใหญ่จะใช้พันธบัตรอายุ 10 ปีอ้างอิง
ตามหลักทฤษฎีพันธบัตรรัฐบาลถือเป็นการลงทุนในผลตอบแทนที่ปราศจากความเสี่ยง (Risk Free Rate) นักลงทุนส่วนใหญ่จะนำส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนทั้ง 2 สินทรัพย์นี้มาเปรียบเทียบกัน เพื่อดูว่าในเวลานี้ตลาดหุ้นหรือพันธบัตรน่าลงทุนมากกว่ากัน นอกจากนี้ยังนำไปใช้ประเมินความถูกแพงของตลาดหุ้นได้ด้วย
ถ้า Earning Yield Gap มีค่าสูง แปลได้ว่า อัตราผลตอบแทนของตลาดหุ้นกับพันธบัตรรัฐบาลต่างกันเยอะมาก ดังนั้น นักลงทุนจะเลือกลงทุนในตลาดหุ้น เพราะให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า
ในทางตรงข้าม ถ้า Earning Yield Gap มีค่าต่ำ แปลได้ว่า อัตราผลตอบแทนของตลาดหุ้นกับพันธบัตรรัฐบาลต่างกันน้อย ดังนั้น นักลงทุนจะเริ่มมองว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลคุ้มค่า เพราะอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลใกล้เคียงกับตลาดหุ้นในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลมีความเสี่ยงต่ำกว่ามาก
ส่วนวิธีการคำนวณ Earning Yield Gap ก็ไม่ยากเลย
สูตรคือ Earning Yield Gap = ผลตอบแทนของตลาดหุ้น – ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล
ผลตอบแทนของตลาดหุ้น หาได้จากการกลับอัตราส่วน P/E Ratio นั่นเอง เช่น สมมติถ้าตลาดหุ้นไทยในตอนนี้ ค่า P/E อยู่ที่ 20 เท่า ผลตอบแทนของตลาดหุ้นก็จะเท่ากับ 1/20 = 0.05 หรือ 5%
ยกตัวอย่างเช่น
ผลตอบแทนของตลาดหุ้น 3.5% และผลตอบแทนของพันธบัตร 2.5%
ดังนั้น Earning Yield Gap จะมีค่าเท่ากับ 1%
ในสถานการณ์นี้ หากเราเป็นนักลงทุนเองก็คงเริ่มไม่อยากลงทุนในตลาดหุ้น เพราะมีความเสี่ยงมากกว่า ซึ่งต่างจากพันธบัตรรัฐบาลที่แทบไม่มีความเสี่ยงเลย แต่ได้ผลตอบแทนที่่ใกล้ๆ กัน ทำให้ตลาดหุ้นในช่วงดังกล่าวไม่น่าลงทุน และนักลงทุนก็จะเทขายหุ้นเพื่อมาลงทุนในพันธบัตรแทน
และนั่นเอง Earning Yield Gap จึงเป็นตัวเลขที่นักลงทุนบางคนนำมาใช้คาดการณ์แนวโน้มการลงทุนในอนาคต ยิ่งส่วนต่างสูง หุ้นก็จะดูน่าลงทุน
ดูเหมือนง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ตัวเลขผลตอบแทนของสินทรัพย์ในอนาคตเป็นพื้นฐานของการลงทุนทั้งหมดเลย
ทั้งนี้ ตัวเลข Earning Yield Gap สามารถนำมาคาดการณ์แนวโน้มการลงทุนได้ แต่ก็อาจจะไม่ถูกต้องทุกครั้ง เราจึงควรวิเคราะห์การลงทุนร่วมกับข้อมูลหรือปัจจัยอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เพราะอย่าลืมว่า ตราสารหนี้ ไม่ได้ปราศจากความเสี่ยง (Risk Free) ในชีวิตจริง ก็ขาดทุนได้
BottomLiner
การลงทุนปีนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด หาข้อมูลเพิ่มเติมกับ Exclusive Content ในกลุ่มปิดของ BottomLiner เพื่อตัดสินใจลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สมัครได้ที่ลิ้ง https://forms.gle/DBhATCRfWprbcNuu7